ธ.กลางสหรัฐเมินหยุดขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต ฟันธงดอกเบี้ยยังสูงกว่าที่คาดไว้มาก

เมื่อคืนผ่านมา 2 พฤศจิกายน 2565 ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด นายเจอร์โรม พาวเวลล์ แถลงผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% ซึ่งเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกันที่ยาวนานในประวัติศาสตร์ของเฟด และเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นครั้งที่ 6 ติดต่อกันนับตั้งแต่เดือนมีนาคมของปีนี้ ส่งผลอัตราดอกเบี้ยขึ้นมาอยู่ระหว่าง 3.75-4.00% ทำสถิติสูงสุดในรอบ 14 ปี หรือนับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจสถาบันการเงินล่มสลายในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2018 การปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ 0.75% ครั้งที่ 4 ในคืนผ่านมา ที่มากที่สุดในรอบ 28 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 1994 หรือเมื่อปี 2537 ในยุคสมัยนายอลัน กรีนสแปน เป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา

นอกจากนี้ ยังเป็นการปรับเพิ่มขึ้น 0.75% ถึง 4 รอบการประชุมติดต่อกันในปีนี้ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ที่สำคัญ ในปีนี้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นรวม 6 ครั้งติดเต่อกัน เริ่มจากเดือนมีนาคมขึ้น 0.25% เดือนพฤษภาคมขึ้น 0.50% เดือนมิถุนายนขึ้น 0.75% เดือนกรกฎาคมขึ้น 0.75% เดือนกันยายนขึ้น 0.75% และเดือนพฤศจิกายนขึ้น 0.75% รวมปรับเพิ่มสูงขึ้น 3.75% ใน 7 เดือนผ่านมา ส่งผลทำสถิติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เร็วที่สุดในรอบ 42 ปี หรือนับตั้งแต่อดีตประธานเฟด นายพอล วอร์คเกอร์ บริหารเฟดในช่วงปี 1980

ประธานเฟด กล่าวว่ากล่าวแถลงชัดเจนว่า ยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดถึงการชะลอปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้น และอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวดูเหมือนว่าจะสูงขึ้นมากกว่าที่เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ การประชุมตัดสินใจเกี่ยวกับดอกเบี้ยระยะสั้นยังคงมีเส้นทางที่ต้องดำเนินการต่อไป นอกจากนี้ ข้อมูลที่กำลังมาเรื่อยๆนั้น นับตั้งแต่การประชุมครั้งสุดท้ายก่อนจะถึงคืนผ่านมา ได้บอกให้รู้ว่า อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นสุดท้ายจะเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้

สำหรับในการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 13-14 ธันวาคมนั้น ก่อนหน้านี้ที่จะถึงการประชุมริบเดือนพฤศจิกายน ตลาดทุนคาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจขึ้น 0.5% อย่างไรก็ตาม คงมีการทบทวนมุมมองกันใหม่หลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกายืนยันชัดเจนในเป้าหมายขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นต่อไป