ธ.ก.ส.คาดราคาสินค้าเดือนพ.ค.จะแพงขึ้น

615
0
Share:

นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์ ราคาสินค้าเกษตร ในเดือนพ.ค. 2563 โดยส่วนมากมีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ราคาอยู่ที่ 9,525-10,412 บาทต่อตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 1.10-10.52 เนื่องจากการระบาดของไวรัส โควิด-19 ทำให้ผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก อาทิ ประเทศอินเดียและเวียดนามมีมาตรการ ล็อกดาวน์และชะลอการส่งออกข้าว ประกอบกับประเทศฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นผู้นำเข้าข้าวอันดับ 1 ของโลกอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อนำเข้าข้าว
.
จึงเป็นโอกาสของประเทศไทยในการส่งออกข้าว ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาอยู่ที่ 14,496-14,579 บาทต่อตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.88-1.46 เนื่องจากมีคำสั่งซื้อข้าวจากประเทศฮ่องกง เป็นผลจากความกังวลจากนโยบายปิดประเทศของเวียดนาม ส่งผลให้ประชาชนชาวฮ่องกงมีการกักตุนข้าวหอมมะลิเพิ่มขึ้น
.
ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ราคาอยู่ที่ 15,774 -15,912 บาทต่อตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.85-2.73 เนื่องจากปัญหาภัยแล้ง ทำให้ผลผลิต ข้าวเหนียวนาปรังออกสู่ตลาดลดลง และประเทศเวียดนามจำกัดโควต้าในการส่งออกข้าวเหนียวเพื่อสำรองไว้ใช้ในประเทศ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5% ราคาอยู่ที่ 7.54-7.60 บาทต่อกก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.30 -1.00 เนื่องจากเป็นช่วงปลายฤดูเก็บเกี่ยว ทำให้ปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย
.
ขณะที่ความต้องการใช้ในการผลิตอาหารสัตว์เพิ่มขึ้น จากปัญหาด้านการขนส่งจากมาตรการ ล็อกดาวน์ ทำให้ผู้ประกอบการมีอุปสรรคในการนำเข้าวัตถุดิบอื่นมาผลิตอาหารสัตว์
.
น้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์ก ราคาอยู่ที่ 10.24-10.73 เซนต์ต่อปอนด์ (7.35-7.70 บาทต่อกก.) เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 5.00 – 10.00 เนื่องจากความกังวลต่อปริมาณผลผลิตอ้อยทั่วโลกที่ลดลง จากสภาพอากาศที่แห้งแล้งในประเทศผู้ผลิตสำคัญ จึงมีการคาดการณ์ว่าผลผลิตน้ำตาลจะลดลง ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อเพิ่มขึ้น มันสำปะหลัง ราคาอยู่ที่ 1.75 – 1.80 บาทต่อกก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.57 – 3.45 เนื่องจากประเทศคู่ค้าของไทยเริ่มมีการเปิดเมืองและผ่อนปรนด้านการขนส่งระหว่างประเทศ
.
จากสถานการณ์การระบาดของไวรัส โควิด-19 ที่มีแนวโน้มคลี่คลาย ส่งผลให้การส่งออกมันสำปะหลังมีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้น ปาล์มน้ำมัน ราคาอยู่ที่ 3.09 – 3.14 บาทต่อกก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 0.32 – 2.27 เนื่องจากคาดว่าจะมีการผ่อนคลายมาตรการ ล็อกดาวน์ ทำให้กิจการบางส่วนสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้ จึงเป็นโอกาสให้ความต้องการใช้น้ำมันไบโอดีเซลและน้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้น สุกร ราคาอยู่ที่ 68.89 – 69.09 บาทต่อกก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 2.79 – 3.09 เนื่องจากสภาพอากาศของไทยอยู่ในช่วงฤดูร้อน ส่งผลให้สุกรเติบโตช้า ทำให้ผลผลิตสุกรออกสู่ตลาดน้อยลง ขณะที่ความต้องการบริโภคเนื้อสุกรเพิ่มขึ้นจากแผนการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์.
.
ซึ่งคาดว่าธุรกิจบางประเภทจะกลับมาเปิดให้บริการหลังสิ้นสุดมาตรการดังกล่าว และกุ้งขาวแวนนาไม ขนาด 70 ตัวต่อกก. ราคาอยู่ที่ 127.00 – 129.00 บาทต่อกก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 1.60 – 3.20 เนื่องจากสถานการณ์ภัยแล้งและการเฝ้าระวังโรคระบาด ทำให้เกษตรกรปรับลดพื้นที่และชะลอการลงลูกกุ้ง รวมถึงชะลอการจับกุ้งออกจำหน่าย ทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง
.
ด้านสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลงมีเพียงยางพาราแผ่นดิบ ซึ่งคาดว่าราคาจะอยู่ที่ 31.50 – 32.95 บาทต่อกก. ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.60 – 4.98 เนื่องจากในช่วงต้นเดือนพ.ค.จะมีการเปิดหน้ากรีดยางพาราทั่วประเทศ ทำให้มีปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น ขณะที่ความต้องการใช้ยางพาราธรรมชาติลดลงจากราคาน้ำมันดิบที่ยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ อีกทั้งประเทศจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้ายางพารารายใหญ่ยังใช้มาตรการ ล็อกดาวน์ จึงทำให้ผู้ประกอบการชะลอรับซื้อน้ำยางสดในประเทศ