ธ.สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดมองบาทแข็งกลับ 33 สิ้นปีนี้ ตลาดเงินปั่นป่วนอีก 2-3 เดือน

353
0
Share:
ธ. สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด มอง เงินบาท แข็งกลับ 33 สิ้นปีนี้ ตลาดเงินปั่นป่วนอีก 2-3 เดือน

ดร.ทิม ลีฬหะพันธุ์ นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด(ไทย) เปิดเผยว่า คาดว่าภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 จะฟื้นตัวต่อเนื่องจากปัจจัยหนุนของภาคการท่องเที่ยว การส่งออก และการบริโภคภาคเอกชน อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูง และส่วนต่างดอกเบี้ยระยะสั้นระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกาที่กว้างมากขึ้น จะทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทยมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในไตรมาสนี้

เศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาส 4 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวอย่างชัดเจน ปัจจัยสำคัญมาจากการภาคการท่องเที่ยว ด้านการส่งออกยังคงแข็งแกร่ง และการบริโภคภาคเอกชนดีขึ้นต่อเนื่อง มุมมองบวกดังกล่าวถือว่าต่างจากช่วง 2 ปีที่แล้วซึ่งเศรษฐกิจไทยเผชิญกับวิกฤติโรคระบาดโควิด-19

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด จึงคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2565 จะเติบโตร้อยละ 3.3 และ 4.5 ในปีหน้า

อย่างไรก็ตาม ตลาดการเงินโลกผันผวนจะเกิดขึ้นไปอีก 2-3 เดือน เนื่องจากคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด จะยังคงขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องในการประชุมเดือนกรกฎาคม และกันยายน และการขึ้นแต่ละครั้ง น่าจะเป็นการขึ้นดอกเบี้ยที่ค่อนข้างมาก จะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินบาท และจะยิ่งทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยกับสหรัฐฯ ห่างมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ตลาดการเงินน่าจะยังคงอยู่ในภาวะผันผวนไปอีกระยะหนึ่ง

จากสถานการณ์ดังกล่าว จึงคาดว่า กนง. ธนาคารแห่งประเทศไทย จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม 3 ครั้งข้างหน้านี้ โดยขึ้นดอกเบี้ยติดต่อกัน 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะขึ้นไปอยู่ที่ร้อยละ 1.25 ก่อนสิ้นปีนี้จากร้อยละ 0.50 ในปัจจุบัน ซึ่งประเมินว่าอัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์สหรัฐ/เงินบาท จะอยู่ที่ 33 ช่วงปลายปี 2565