ธ.โลกชี้ปี 62 ไทยเหลื่อมล้ำรายได้สูงสุดในเอเชียแปซิฟิก มี 3 ปีใน 5 ปีผ่านมาไทยมีคนจน

225
0
Share:
ธนาคารโลก ชี้ปี 62 ไทย เหลื่อมล้ำ รายได้สูงสุดในเอเชียแปซิฟิก มี 3 ปีใน 5 ปีผ่านมาไทยมีคนจน

ธนาคารโลกได้เปิดเผยรายงานการวิเคราะห์รายได้ในชนบท – โอกาสและความท้าทายของเกษตรกร หรือรายงาน Rural Income Diagnostic-Challenges and Opportunities for Rural Farmers พบว่าความยากจนในประเทศไทยลดลงจากร้อยละ 58 ในปี 2533 เป็นร้อยละ 6.8 ในปี 2563 เนื่องจากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยที่สูงและมีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 79 ของคนยากจนยังคงอยู่ในพื้นที่ชนบทและส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม

รายงานดังกล่าว ระบุว่า การลดความยากจนของประเทศไทยชะลอตัวลงตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม ความยากจนในไทยกลับเพิ่มขึ้นในปี 2559 2561 และ 2563 สะท้อนถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง รายได้จากภาคการเกษตรและภาคธุรกิจที่ซบเซา และวิกฤตโควิด-19 ในปี 2563

ด้านอัตราความยากจนในพื้นที่ชนบทสูงกว่าในเขตเมืองมากกว่าร้อยละ 3 และจำนวนคนจนในชนบทมีจำนวนมากกว่าคนจนในเมืองเกือบ 2.3 ล้านคน การกระจายความยากจนยังมีความแตกต่างในแต่ละภูมิภาค โดยอัตราความยากจนในภาคใต้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือสูงเป็นสองเท่าของอัตราความยากจนเฉลี่ยของประเทศ

“ประเทศไทยมีศักยภาพในการสนับสนุนครัวเรือนในชนบทให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและยั่งยืน” ฟาบริซิโอ ซาร์โคเน ผู้จัดการธนาคารโลกประจำประเทศไทย กล่าว “ในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศไทยกำลังปรับตัวให้เข้ากับชีวิตวิถีใหม่ (New normal) หลังการระบาดของโควิด มาตรการเชิงนโยบายที่เพิ่มผลผลิตทางการเกษตร การสนับสนุนการเพาะปลูกพืชผลที่มีความหลากหลายและมีมูลค่าสูง การปรับปรุงการเข้าถึงตลาดผ่านการเชื่อมต่อในพื้นที่ชนบทที่ดีขึ้น รวมถึงการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้จะสามารถแก้ไขข้อจำกัดต่างๆ ที่คนยากจนในชนบทต้องเผชิญได้”

จากการศึกษาพบว่า การระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อผู้คนที่อยู่ในเขตเมืองอย่างรุนแรง เนื่องมาจากมาตรการที่จำกัดการเคลื่อนย้าย การปิดกิจการ และการเลิกจ้างงาน อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในเมืองจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ผลกระทบของวิกฤตที่มีต่อเศรษฐกิจในชนบทจะยังคงมีผลอยู่อย่างยาวนานขึ้น ผลกาารสำรวจทางโทรศัพท์เพื่อติดตามสถานการณ์โรคโควิด-19 ของธนาคารโลกประจำประเทศไทย เปิดเผยว่าร้อยละ 70 ของครัวเรือนในชนบทมีรายได้ลดลงตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563

ธนาคารโลก เปิดเผยว่าในปี 2562 ประเทศไทยมีอัตราความไม่เท่าเทียมกันของรายได้สูงสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกด้วยค่าสัมประสิทธิ์จีนี (Gini coefficient) ที่ร้อยละ 43.3 โดยครัวเรือนในชนบทมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ประมาณร้อยละ 68 ของครัวเรือนในเขตเมือง หลายครัวเรือนในชนบทยังคงขาดการศึกษา มีผู้ที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงจำนวนมาก และมีสภาพความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก