นอร์เวย์ส่อเป็นชาติแรกที่ตลาดรถไฟฟ้า(อีวี)แซงรถยนต์เครื่องสันดาปภายในสิ้นปีนี้

421
0
Share:
นอร์เวย์ ส่อเป็นชาติแรกที่ตลาด รถอีวี แซงรถยนต์เครื่องสันดาปภายในสิ้นปีนี้

ประเทศนอร์เวย์ซึ่งอยู่ในทวีปยุโรป และมีประชาชนทั้งประเทศเพียง 5.5 ล้านคน กำลังมีแนวโน้มสูงมากที่จะเป็นแรกในโลกที่จำนวนรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวีมีมากกว่าจำนวนรถยนต์เครื่องสันดาป หรือรถน้ำมัน ซึ่งจะเกิดขึ้นเรผ้วที่สุดภายในสิ้นปี 2024 นี้ หรืออย่างช้าที่สุดในต้นปี 2025 นั่นหมายความว่าประเทศนอร์เวย์จะถึงจุดสิ้นสุดของตลาดรถยนต์ใช้น้ำมันทั้งเบนซิน และดีเซลภายในปี 2025

สาเหตุจากอัตราการใช้รถอีวีในปัจจุบันของประเทศนอร์เวย์อยู่ถึง 90% นั่นหมายถึงรถยนต์ที่ขายในประเทศนอร์เวย์ตั้งแต่ต้นปีนี้เป็นต้นมาได้ 10 คัน จะมีถึง 9 คันเป็นรถอีวี ภาวะดังกล่าวนึ้ หากทุกประเทศทั่วโลกมีตลาดรถอีวีแซงรถยนต์เครื่องสันดาป จะทำให้ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันถึงจุดสูงสุดเร็วกว่าที่ประเมินไว้ หรือในปี 2030 โดยรถยนต์ และรถตู้ จะคิดเป็นรวมกันมากกว่า 25% ของความต้องการใช้น้ำมัน ขณะที่ สมาคมรถอีวีนอร์เวย์ประเมินว่าภายในสิ้นปีนี้ ยอดขายรถอีวีคันใหม่จะคิดเป็น 95% ของยอดขายรถยนต์คันใหม่ในนอร์เวย์

สำนักงานถนนสาธารณะแห่งประเทศนอร์เวย์ หรือ NPRA เปิดเผยข้อมูลถึงวันที่ 15 มีนาคมผ่านมา พบว่า สัดส่วนรถอีวีคิดเป็น 24.3% ของจำนวนบานยนต์ในประเทศนอร์เวย์ที่ 2.9 ล้านคัน ในขณะที่สัดส่วนรถยนต์เครื่องสันดาปอยู่ที่ 26.9% สัดส่วนนี้เทียบได้ใกล้เคียงกับจำนวนรถยนต์ราวเกือบ 76,000 คัน ซึ่งมีจำนวนน้อยกว่ายอดขายรถอีวีมากถึง 104,590 คันในปีผ่านไป

นักวิจัยอาวุโส สถาบันภาวะบรรยากาศเปลี่ยนแปลงซิเซโร นายร็อบบี้ แอนดริว ประเมินว่า หากแนวโน้มดังกล่าวยังเป็นไปอย่างที่เกิดขึ้นในอีก 12 เดือนหน้า และยอดขายรถยนต์เครื่องสันดาปกลับชะลอตัว หรือทรงตัว จะทำให้ช่วงเวลาเดียวกันของปีหน้า จะได้เห็นตลาดรถอีวีมีจำนวนมากกว่ารถยนต์เครื่องสันดาป อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้มีจำนวนรถยนต์เครื่องดีเซลมากถึงเกือบ 370,000 คันบนถนนในนอร์เวย์ จึงทำให้อาจต้องใช้เวลายาวนานระหว่าง 3-4 ปี ที่รถอีวีจะมีจำนวนแซงรถยนต์ดีเซลได้

ตลาดรถอีวีในประเทศนอร์เวย์ชะลอตัวชัดเจน หลังจากยอดขายรถอีวีใหม่ตกต่ำถึง -25% ในปี 2023 ผ่านมา สาเหตุจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยสูงต่อเนื่อง และรัฐบาลตัดลดมาตรการสนับสนุนภาษี อย่างไรก็ตาม โอเอฟวี เปิดเผยว่า ในเดือนมกราคมผ่านา ส่วนแบ่งตลาดรถอีวีมีสูงถึง 92.1% ของตลาดรถยนต์ทั้งหมด ทำสถิติมากเป็นประวัติการณ์ แต่เมื่อมาถึงเดือนมีนาคม ส่วนแบ่งดังกล่าวลดลงมาอยู่ที่ 89.3% และยอดขายรถยนต์คันใหม่ตกต่ำมากถึง -49.7% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับในปีผ่านมา โดยเฉพาะในปี 2023 รัฐบาลนอร์เวย์ยกเลิกมาตรการไม่คิดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มของรถอีวีที่ 46,700 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.72 ล้านบาท สางผลให้รถอีวีมีราคาแพงขึ้นมาก เช่น เทสลา และอาวดี้รุ่นอีตรอน เป็นต้น