นักธุรกิจอสังหาฯ ขอรัฐบาลใช้ยาแรงกระตุ้นตลาด เสนอลดค่าโอนและจดจำนองเหลือ 0.01%

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ. ศุภาลัย ยอมรับว่าตลาดอสังหาฯ ปีนี้เป็นปีที่ยากจากหลากปัจจัยท้าทาย แต่เมื่อรัฐเริ่มออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวก็จะช่วยตลาดอสังหาฯ ไม่หวังให้รัฐออกมาตรการกระตุ้น แต่ถ้าสามารถผ่อนผัน LTV ได้จะดี เพราะกดดันตลาดมาก ซึ่งมองว่าจะเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุด ส่วนฟรีวีซ่าจีนเป็นผลดีต่อท่องเที่ยวและตลาดคอนโดฯ

ด้านนายอธิป พีชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่ารัฐบาลควรต้องมีมาตรการกระตุ้น เพราะกำลังซื้อได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจอ่อนตัว ดอกเบี้ยที่ยังสูงกระทบความสามารถการซื้อที่อยู่อาศัยลดลง หากไม่มีมาตรการมาช่วย ทำให้ตลาดปี 2566-2567 ติดลบ สิ่งที่จะขอให้พิจารณาคือ

1. ลดค่าโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% จะสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคมนี้ออกไปอีกและขยายเพดานราคาจากไม่เกิน 3 ล้านบาท เป็นได้ทุกระดับราคา โดยลดให้ 3 ล้านบาทแรก ส่วนที่เกินให้เสียปกติ
2. ขอให้ผ่อนเกณฑ์ LTV
3. ฟื้นโครงการบ้านดีมีดาวน์ให้ผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงสินเชื่อง่าย
4. ลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 90% หรือเก็บเป็นขั้นบันได ปี 2567 เก็บ 25% ปี 2568 เก็บ 50%

นอกจากนี้ยังมองว่ากำลังซื้อต่างชาติก็สำคัญ ถ้ามีมาตรการวีซ่าให้ซื้อคอนโดฯแล้วอยู่ได้ยาวขึ้น เช่น ซื้อ 10 ล้าน อยู่ได้ 10 ปีจะดี ซึ่งคุณเศรษฐานายกรัฐมนตรี มาจากธุรกิจอสังหาฯน่าจะเข้าใจสภาพตลาดได้เป็นอย่างดี สิ่งที่เราขอไม่ได้ผิดปกติ ถ้าไม่ได้ก็ขอลดค่าโอนและจำนองอย่างเดียวก็พอ

ขณะที่พีระพงศ์ จรูญเอก นายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยว่า อยากให้รัฐบาลพิจารณาลดภาษีบ้านหลังแรกราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท เหมือนรถคันแรก ผ่อนผัน LTV อีก 2 ปีเริ่มไตรมาส 4 นี้ ให้มิดเทอมวีซ่าต่างชาติไม่เกิน 5 ปี เมื่อซื้อคอนโดฯ 3-5 ล้านบาท และให้ซื้อบ้านพร้อมที่ดินในโครงการจัดสรรได้ไม่เกิน 25% ตามที่เงื่อนไขกำหนด คือ กรุงเทพฯราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปส่วนต่างจังหวัดไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหานอมินีต่างชาติ

พรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทยระบุขอให้รัฐออกมาตรการฟื้นกำลังซื้อ 1-3 ล้านบาท ที่หดตัวเพราะลูกค้ากู้แบงก์ไม่ผ่านถึง 50% โดยขยายเพดานลดค่าโอนและจดจำนอง 0.01% เลิกหรือผ่อนผันLTV แก้ปัญหาแรงงานขาดโดยลดค่าทำวีซ่าให้แรงงานต่างด้าว ทยอยขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และลดหย่อยภาษีที่ดินฯ