นักวิชาการคาดทั้งปี กนง. ลดดอกเบี้ย 0.50% เชื่อไม่ส่งผลเงินทุนไหลออก ถึงจะลดก่อนเฟด

89
0
Share:
นักวิชาการคาดทั้งปี กนง. ลด ดอกเบี้ย 0.50% เชื่อไม่ส่งผลเงินทุนไหลออก ถึงจะลดก่อนเฟด

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และอดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ย การตัดสินใจลดดอกเบี้ยดังกล่าว จะไม่ส่งผลเงินทุนไหลออกแต่อย่างใด เพราะปัจจัยดอกเบี้ย ไม่ได้เป็นปัจจัยที่กำหนดการเคลื่อนย้ายเงินทุนมากนัก

อย่างไรก็ดี อาจมีผลอยู่บ้างต่อเงินทุนเคลื่อนย้ายเก็งกำไรระยะสั้น ซึ่งไม่มีนัยสำคัญใดๆ ต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม และไม่ส่งผลต่อชีวิตของประชาชนส่วนใหญ่ เพราะเชื่อว่าปัจจัยเสี่ยงเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจ อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน ปัจจัยเสี่ยงทางการเมือง ความคงเส้นคงวาของนโยบายส่งเสริมการลงทุน มีความสำคัญต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนระยะยาวมากกว่า

สำนักวิจัยส่วนใหญ่ ได้ทยอยปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยลงมาต่ำกว่า 3% เป็นส่วนใหญ่ อัตราการขยายทางเศรษฐกิจในระดับดังกล่าว ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอัตราการขยายตัวของกลุ่มประเทศอาเซียน ขณะที่ธนาคารกลางส่วนใหญ่ในปี 2567 จะเริ่มปรับทิศทางนโยบายการเงินมาเป็นแบบผ่อนคลายมากขึ้น ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น ที่อาจมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยหรือคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับลดดอกเบี้ยหลังเดือน มิ.ย. และอาจปรับลดน้อยครั้งลงจาก 3 ครั้งเหลือ 2 ครั้ง จากตัวเลขเงินเฟ้อสูงเกินเป้า ดัชนีราคาผู้ผลิตทรงตัวในระดับสูง GDP ดีเกินคาด ดัชนีค้าปลีกและตลาดจ้างงานยังแข็งแกร่ง

อย่างไรก็ตาม มองว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของแบงก์ชาติในช่วงครึ่งปีแรก จะช่วยบรรเทาปัญหาหนี้สินในไทยได้ระดับหนึ่ง ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นได้บ้าง พฤติกรรมการก่อหนี้เพื่อนำมาบริโภคหรือใช้จ่ายแบบไม่ระมัดระวังจะไม่เกิดขึ้น หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงจะถ่วงการบริโภค และครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำจะไม่มีเงินออมเลย หนี้ SMEs ที่มีอยู่สูงถ่วงการลงทุน เพราะครัวเรือนและกิจการส่วนใหญ่ มีภาระหนี้เดิมค่อนข้างมากและเต็มเพดานแล้ว ดังนั้นโอกาสที่การลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว จะทำให้เกิดพฤติกรรมเสี่ยงก่อหนี้เพิ่ม จึงมีความเป็นไปได้ต่ำ

นอกจากนี้ยังคาดว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับลดดอกเบี้ย 1-2 ครั้ง ซึ่งการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายโดยรวมทั้งปี จะลดลงประมาณ 0.50% การลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว เพียงช่วยบรรเทาปัญหาหนี้สินในประเทศไทยเท่านั้น ไม่ได้แก้ปัญหาเพราะปัญหาหนี้สินในไทยเป็นปัญหาในเชิงโครงสร้าง เชื่อมโยงกับปัญหาอื่นๆ อีกหลายมิติ