นักเศรษฐศาสตร์มอง รัฐไม่ต้องไปกระตุ้นใหญ่ เมื่อการเติบโตอยู่แค่ธุรกิจขนาดใหญ่

204
0
Share:
นักเศรษฐศาสตร์มอง รัฐไม่ต้องไปกระตุ้นใหญ่ เมื่อการเติบโตอยู่แค่ธุรกิจขนาดใหญ่ เศรษฐกิจ ลงทุน

ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า ผมเสียดายว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา ไม่มีการลงทุนที่จะยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจไทยในระยะยาว เนื่องจากไปเน้นแจกกันมาโดยตลอด การลงทุนพวกรถไฟฟ้าก็กระจุกอยู่ในกรุงเทพ ไม่ค่อยเห็นการลงทุนในต่างจังหวัดที่จะช่วยยกระดับศักยภาพทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ผมมองว่าถ้าเราทุ่มเงินไปกับการกระตุ้นหมด ก็จะไม่เห็นการลงทุน

เศรษฐกิจไทยตอนนี้ ผมตีความว่า ไม่ต้องไปกระตุ้นใหญ่ แต่ควรเน้นให้เกิดการกระจายตัว เพราะตอนนี้การเติบโตอยู่แค่ธุรกิจขนาดใหญ่ พวกธุรกิจต่างจังหวัด ธุรกิจเอสเอ็มอียังอ่อนแอมาก ดังนั้น อาจจะต้องมีนโยบายกระตุ้นกลุ่มเหล่านี้เร่งด่วนมากกว่า หรือออกแบบนโยบายให้เงินหมุนไปสู่ต่างจังหวัดให้มากที่สุด

ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวต่อไปว่านโยบายของรัฐบาลที่เตรียมแถลงต่อรัฐสภามีเพียงเรื่องแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทเท่านั้นที่ยังค่อนข้างน่ากังวล สาเหตุจากนโยบายนี้จะเป็นภาระทางการคลังถึง 560,000 ล้านบาท หากรอใช้เงินงบประมาณ โครงการจะเริ่มได้ ก็คงเป็นช่วงไตรมาส 2 ปีหน้า แต่หากใช้มาตรการกึ่งการคลัง ยืมเงินรัฐวิสาหกิจ หรือแบงก์รัฐมาใช้ก่อนตามมาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง แล้วจ่ายชดเชยภายหลัง ก็ต้องบอกว่าคงไม่ใช่วินัยการคลังที่ดี อย่างไรก็ดี ในช่วงที่งบประมาณปกติล่าช้า ยังใช้ไม่ได้ ก็สามารถใช้มาตรการกึ่งการคลังได้

เมื่อวานนี้ วันนี้ 8 กันยายน 2566 นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า นโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังต้องหารือเพิ่มเติมเพื่อหาข้อสรุป โดยเฉพาะแหล่งเงิน 560,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการ ยอมรับไม่ต้องออก พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่มเติม ในส่วนของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ด้วยกู้เงินจากแบงก์รัฐ มาตรา 28 ยอมรับมีอยู่หลายส่วนอาจนำมาใช้ได้ เมื่อหลายโครงการตั้งเบิกแล้วไม่ได้ใช้ตามกำหนด อาจนำต้องจากส่วนดังกล่าวมาใช้ในโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต

สำหรับวงเงิน 18,000 ล้านบาท เป็นวงเงินที่เหลืออยู่ในงบปี 66 นี้ เมื่อสิ้นปีงบประมาณแล้วจะมีตั้งงบใช้คืน 100,000 ล้านบาท สำหรับงบประมาณในปี 67 ต้องดูอีกครั้งว่าวงเงินเหลืออยู่เท่าไร ด้วยการเกลี่ยจากงบหลายส่วนที่ยังพอนำมาใช้รองรับเงินดิจิทัล