นายกรัฐมนตรีย้ำไม่เคยพูดว่าจะยกเลิกพรก.ฉุกเฉิน 1 พ.ค.นี้

915
0
Share:

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีหรือ ครม. ว่าสถานการณ์โควิด 19 ดีขึ้นมาก ผู้ติดเชื้อเพิ่มลดลงตามลำดับ ส่วนเรื่องที่ประชาชนอยากให้มีการเปิดสถานที่ต่างๆ รัฐบาลต้องระมัดระวังให้มากที่สุด และฟังข้อมูลทางการแพทย์ รวมถึงดูมาตรการรองรับว่าเพียงพอหรือไม่ ไม่อยากตัดสินใจด้วยแรงกดดัน แต่ต้องให้เป็นไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฎ ถ้าเริ่มปลดอะไรเร็วไป ถ้าเกิดการแพร่ระบาดใหม่ สิ่งที่ทำมาทั้งหมดจะล้มเหลว
.
การส่งจดหมายเปิดผนึกถึงกลุ่มมหาเศรษฐีก็เพื่อรับทราบ ว่ามีการช่วยเหลือบุคลากรในองค์กรของท่านอย่างไรบ้าง ทั้งเจ้าหน้าที่ พนักงาน ลูกจ้าง เพื่อช่วยเสริมมาตรการต่างๆของรัฐบาลที่ออกไปแล้ว เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนเป็นวงกว้างมากขึ้น #ไม่ใช่หมายความว่ารัฐบาลจะไปกู้เงินหรือยืมเงินเอกชน รัฐบาลมีเงินอยู่แล้ว
.
พร้อมขอขอบคุณทั้ง 20 ท่าน ที่ได้ช่วยเหลือประชาชนอยู่แล้ว และการส่งจดหมาย
เป็นแบบเปิดเผย #ไม่มีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น
.
ส่วนมาตรการลดค่าไฟ มีการเสนอขึ้นมา เพื่อลดค่าไฟให้ประชาชนทั่วไป แต่ต้องเห็นใจด้วย เพราะเป็นงบประมาณที่ทั้ง 3 หน่วยงานต้องใช้บริหารต่อไปในอนาคต เป็นเรื่องสำคัญ ต้องเห็นใจด้วย รัฐบาลดูแลอย่างเต็มที่แล้ว การพูดจาบิดเบือนที่ไม่เกิดประโยชน์ ทำให้การทำงานทำได้ยากขึ้น
.
ส่วนการพิจารณาเรื่องต่ออายุพ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะมีการพิจารณาอีกครั้งในวันอังคารหน้า หรือ 27 เม.ย. 2563 ว่าจะดำเนินการต่ออย่างไรก็ต่อไป ซึ่งก็ต้องใช้เกณฑ์สถิติต่างๆของสาธารณสุขเป็นตัวชี้วัด รวมถึงความร่วมมือของประชาชน ส่วนการร้องเรียนเรื่องการขนส่งสินค้าของภาคประชาชน ได้ให้ทางกระทรวงมหาดไทยเข้าไปดูแลและใช้ดุลพินิจ เพื่อให้การขนส่งสินค้าดำเนินการได้มากขึ้น และการละเมิดพ.ร.ก.ฉุกเฉินยังมากอยู่ ขอให้ประชาชนร่วมมือให้มากขึ้น
.
ที่สำคัญ #ตนไม่ได้มีการประกาศว่าจะยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินในวันที่ 1 พ.ค. เพราะต้องดูสถิติต่างๆให้รอบคอบ การผ่อนปรนผู้ประกอบการต้องเสนอมาตรการต่างๆมาว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง เช่นเตรียมการสถานที่ เจ้าหน้าที่ การตรวจโรค รวมถึงมาตรการทางสาธารณสุข แต่บางอย่างก็ยังไม่สามารถเปิดได้ ตนรับทราบถึงความเดือดร้อนของประชาชน แต่ที่เดือดร้อนมากกว่าคือปัญหาด้านสุขภาพ
.
นอกจากนี้ไม่ได้อยากให้มองแต่เงินเยียวยา รัฐบาลมีมาตรการต่างๆออกมามากมาย ซึ่งคาดว่าจะครอบคลุมแล้ว ต้องติดตามมาตรการทุกหน่วยงานด้วย ต้องเห็นใจรัฐบาลด้วยว่ามีเงินเท่าไหร่ กู้เงินมาเท่าไหร่ จะใช้อย่างไร ภาระวันหน้าจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ แต่ก็เห็นใจประชาชน แต่ช่วงนี้คงต้องขอให้ประชาชนใช้ชีวิตอย่างพอเพียงไปก่อน