นายกรัฐมนตรีส่งสัญญาณเพิ่มเพดานใช้เงินของเงินนอกงบประมาณอีกกว่า 10% ขึ้นเพดานใหม่ 45%

388
0
Share:
นายกรัฐมนตรี ส่งสัญญาณเพิ่มเพดานใช้เงินของ เงินนอกงบประมาณ อีกกว่า 10% ขึ้นเพดานใหม่ 45%

นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายเศรษฐา ทวีสิน เปิดเผยว่า ตามที่ได้แถลงนโยบายบริหารประเทศต่อรัฐสภาในการดูแลประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น รัฐบาลมีความจำเป็นต้องขยายกรอบการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณตามมาตรา 28 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ในปัจจุบันมีเพดานจำกัดใช้จ่ายเงินดังกล่าวไม่เกิน 32% ของวงเงินงบประมาณ จึงมีแผนที่จะขยายเพดานใช้จ่ายดังกล่าวเพิ่มเป็น 45% ของวงเงินงบประมาณประจำปี 2567 นอกจากนี้ มีแผนจะปรับลดกรอบวงเงินใช้จ่ายดังกล่าวกลับมาเป็นอัตราเดิมภายในปี 2570

ผู้เชี่ยวชาญด้านการคลัง เปิดเผยว่า การขยายกรอบวงเงินใช้จ่ายดังกล่าวเพิ่มเป็น 45% ของเงินนอกงบประมาณนั้น จะทำให้รัฐบาลจะมีวงเงินใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีก 13% จากเพดานเงินใช้จ่ายเดิมที่จำกัดไว้ 32% จากการคำนวณ จะทำให้รัฐบาลจะมีวงเงินนอกงบประมาณสำหรับการดำเนินนโยบายประมาณ 400,000 ล้านบาท ซึ่งไม่นับรวมเม็ดเงินที่รัฐบาลจะชดใช้คืนจากการใช้เงินนอกงบประมาณตามมาตรา 28 ในปีก่อนหน้านี้ที่ประมาณ 200,000 ล้านบาท ดังนั้น เมื่อมีเงินจ่ายคืนชดเชยเข้ามารวมกับเงินที่ได้จากการขยายเพดานขึ้นอีก 13% คาดว่าจะมีวงเงินรวมกันทั้งสิ้นอีกประมาณ 600,000 ล้านบาท

ในช่วงที่ผ่านมา ทุกรัฐบาลใช้ช่องทางการใช้จ่ายเงินตามมาตรา 28 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง เพื่อสนองต่อการใช้จ่ายตามนโยบายของรัฐบาล ที่น่าสนใจ คือการใช้จ่ายเงินผ่านตามมาตรา 28 นี้ จะไม่ถูกจัดเป็นหนี้สาธารณะ ข้อมูลถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม 2566 พบว่า หนี้สาธารณะประเทศไทยอยู่ที่ 61.69% ของขนาดเศรษฐกิจประเทศไทย หรือจีดีพีไทย

สำหรับการเตรียมเงินใช้ตามนโยบายพักหนี้เกษตรกรและธุรกิจเอสเอ็มอีเป็นระยะเวลา 3 ปีนั้น จะไม่กระทบต่อกรอบวงเงินนอกงบประมาณตามมาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง สาเหตุจากเป็นสิ้นปีงบประมาณ 2566 โดยจะมีวงเงินใช้คืนจากโครงการที่ใช้อยู่ในมาตรา 28 มาจำนวนหนึ่ง รัฐบาลจึงมีเป้าหมายที่จะนำมาใช้จ่ายเพื่อ 2 นโยบายดังกล่าว