นายกสั่งเข้มงวดปราบหมูเถื่อน จี้ศุลกากรตรวจสินค้านำเข้า พร้อมมอบ ธ.ก.ส. จัดสินเชื่อ

441
0
Share:
นายก เศรษฐา สั่งเข้มงวดปราบ หมูเถื่อน จี้ศุลกากรตรวจสินค้านำเข้า พร้อมมอบ ธ.ก.ส. จัดสินเชื่อ

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการป้องกันและปราบปรามการนำเข้าหมูเถื่อน โดยเมื่อวันที่ 23 ต.ค. 66 ที่ผ่านมา นายกฯ ได้มีการเรียกหน่วยงานสังกัดกระทรวงการคลังที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมศุลกากร และธนาคารเพื่อการเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เข้ามาหารือรายละเอียดเรื่องนี้เพิ่มเติมด้วย

สำหรับกรมศุลกากรนั้น นายกฯ ได้สั่งการให้เข้มงวดในการตรวจจับสินค้านำเข้ามากขึ้น และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมปศุสัตว์ เพื่อเร่งทำลายหมูที่มีการตรวจจับได้จำนวนมาก เพื่อให้มีข้อยุติ ซึ่งจะต้องได้ว่าจะใช้วิธีการเผาทำลาย แต่อาจจะมีต้นทุนสูง และอาจทำลายได้ครั้งละไม่มาก หรือวิธีการฝังกลบ ก็ต้องการพื้นที่ไม่ให้กระทบต่อชุมชนด้วย ทั้งนี้ พบว่าปัจจุบันราคาหมูในตลาดก็ปรับลดลงแล้ว

ขณะเดียวกัน ได้มอบหมายให้ธ.ก.ส.ไปดูแลเกษตรกรเลี้ยงหมูรายเล็ก และรายกลาง กว่า 1,000 รายเพื่อจัดสินเชื่อให้เงินทุนเกษตรกรมาตั้งตัวในการเริ่มเลี้ยงหมูรอบใหม่ เนื่องจากที่ผ่านมาราคาหมูตกต่ำทำให้เกษตรกรรายย่อยล้มหายตายจากจำนวนมาก

ด้าน นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า นายกฯ ได้สั่งการให้กรมศุลกากรอำนวยความสะดวกกรมปศุสัตว์ในการนำเนื้อ และชิ้นส่วนสุกร (ของกลาง) ในคดีพิเศษที่ 59/2566 จำนวน 161 ตู้ ไปทำลาย และให้กรมศุลกากรปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบหลีกเลี่ยงนำเข้าเนื้อสุกรเข้ามาในราชอาณาจักรเชิงรุก โดยปัจจุบัน กรมศุลกากรได้มีการดำเนินการกับตู้สินค้าประเภทตู้เก็บความเย็นที่อายัดไว้เพิ่มเติมในเขตท่าเรือแหลมฉบังจำนวน 92 ตู้ โดยได้ทำการเปิดสำรวจเรียบร้อยแล้ว พบเป็นเนื้อ และเครื่องในสุกรจากประเทศบราซิล เนเธอร์แลนด์ และเกาหลีใต้ จำนวน 13 ตู้ น้ำหนักรวม 343,070.23 กิโลกรัม

นอกจากนี้ ยังมีสินค้าเกษตรอื่นๆ เช่น ชิ้นส่วนไก่ เนื้อ และเครื่องในโคกระบือ จำนวน 79 ตู้ น้ำหนักรวม 2,216,598.81 กิโลกรัม ซึ่งกรมศุลกากรจะดำเนินการประสานกับกรมปศุสัตว์เพื่อส่งมอบ และนำไปทำลายตามนโยบายของท่านนายกฯ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังต่อไป

ศุลกากร #หมูเถื่Oct 24, 2023 สกัดให้ได้! นายกฯ สั่งเข้มงวดปราบหมูเถื่อน จี้ศุลกากรตรวจสินค้านำเข้ามากขึ้น พร้อมมอบ ธ.ก.ส. จัดสินเชื่อหนุนเงินทุนอุ้มเกษตรกรเลี้ยงหมู

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการป้องกันและปราบปรามการนำเข้าหมูเถื่อน โดยเมื่อวันที่ 23 ต.ค. 66 ที่ผ่านมา นายกฯ ได้มีการเรียกหน่วยงานสังกัดกระทรวงการคลังที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมศุลกากร และธนาคารเพื่อการเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เข้ามาหารือรายละเอียดเรื่องนี้เพิ่มเติมด้วย

สำหรับกรมศุลกากรนั้น นายกฯ ได้สั่งการให้เข้มงวดในการตรวจจับสินค้านำเข้ามากขึ้น และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมปศุสัตว์ เพื่อเร่งทำลายหมูที่มีการตรวจจับได้จำนวนมาก เพื่อให้มีข้อยุติ ซึ่งจะต้องได้ว่าจะใช้วิธีการเผาทำลาย แต่อาจจะมีต้นทุนสูง และอาจทำลายได้ครั้งละไม่มาก หรือวิธีการฝังกลบ ก็ต้องการพื้นที่ไม่ให้กระทบต่อชุมชนด้วย ทั้งนี้ พบว่าปัจจุบันราคาหมูในตลาดก็ปรับลดลงแล้ว

ขณะเดียวกัน ได้มอบหมายให้ธ.ก.ส.ไปดูแลเกษตรกรเลี้ยงหมูรายเล็ก และรายกลาง กว่า 1,000 รายเพื่อจัดสินเชื่อให้เงินทุนเกษตรกรมาตั้งตัวในการเริ่มเลี้ยงหมูรอบใหม่ เนื่องจากที่ผ่านมาราคาหมูตกต่ำทำให้เกษตรกรรายย่อยล้มหายตายจากจำนวนมาก

ด้าน นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า นายกฯ ได้สั่งการให้กรมศุลกากรอำนวยความสะดวกกรมปศุสัตว์ในการนำเนื้อ และชิ้นส่วนสุกร (ของกลาง) ในคดีพิเศษที่ 59/2566 จำนวน 161 ตู้ ไปทำลาย และให้กรมศุลกากรปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบหลีกเลี่ยงนำเข้าเนื้อสุกรเข้ามาในราชอาณาจักรเชิงรุก โดยปัจจุบัน กรมศุลกากรได้มีการดำเนินการกับตู้สินค้าประเภทตู้เก็บความเย็นที่อายัดไว้เพิ่มเติมในเขตท่าเรือแหลมฉบังจำนวน 92 ตู้ โดยได้ทำการเปิดสำรวจเรียบร้อยแล้ว พบเป็นเนื้อ และเครื่องในสุกรจากประเทศบราซิล เนเธอร์แลนด์ และเกาหลีใต้ จำนวน 13 ตู้ น้ำหนักรวม 343,070.23 กิโลกรัม

นอกจากนี้ ยังมีสินค้าเกษตรอื่นๆ เช่น ชิ้นส่วนไก่ เนื้อ และเครื่องในโคกระบือ จำนวน 79 ตู้ น้ำหนักรวม 2,216,598.81 กิโลกรัม ซึ่งกรมศุลกากรจะดำเนินการประสานกับกรมปศุสัตว์เพื่อส่งมอบ และนำไปทำลายตามนโยบายของท่านนายกฯ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังต่อไป