นายกฯเตือนม็อบ อาจทำให้โควิดระบาดระลอกสอง

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวคำแถลงการณ์ถึง การแพร่ระบาดโควิดระลอกใหม่ในโลก ว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กำลังเกิดขึ้นในโลก ซึ่งไม่ค่อยจะดีนัก และอาจจะส่งผลต่อไทยด้วย หลายพื้นที่กำลังเกิดการระบาดโควิด 19 ครั้งใหญ่ ทั้งในยุโรป และที่อื่นๆ หลายที่
.
อาทิที่สเปน มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 30,000 คน และปัจจุบัน มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพิ่มขึ้นวันละมากกว่า 12,000 คน ซึ่งเป็นจำนวนการเพิ่มต่อวัน ที่มากกว่า เมื่อตอนสถานการณ์เลวร้ายที่สุด ในเดือนมีนาคมและเมษายนที่ผ่านมา หรือ อินเดียที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ ภายในแค่วันเดียว กว่า 90,000 คน หรือที่ประเทศสหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 30,000 คนต่อวัน และมีผู้เสียชีวิตไปแล้วเกือบ 200,000 คน นั่นแสดงว่าโลกกำลังเกิดการแพร่ระบาดโควิด ระลอก 2 อย่างชัดเจน
.
หลายประเทศที่ลังเลการปิดประเทศ และไม่ได้ดำเนินมาตรการ ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น ทำให้วันนี้ ประเทศเหล่านั้นมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวัน มากกว่าประเทศไทยเป็นพันเท่า ดังนั้นจึงขอให้
ประชาชนทุกคน “ลุกขึ้นมาตั้งการ์ดของตัวเองให้สูงขึ้นอีกครั้ง” เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น รักษาวินัยที่ดีไว้ อย่างที่เราเคยทำกันมา เพราะสงครามกับโควิด จะยังอยู่ไปอีกนาน
.
พร้อมขอใช้โอกาสนี้บอกกลุ่มที่รวมตัวกันมาประท้วงด้วยเหตุผลต่างๆ ท่านกำลังเพิ่มความเสี่ยงอย่างมหาศาล ที่จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิดระลอกใหม่ในประเทศไทย
และเพิ่มความเสี่ยง ที่จะทำลายการทำมาหากินของคนไทยด้วยกัน อีกสิบๆ ล้านคน
.
การจุดชนวนการแพร่ระบาดโควิด ให้เสี่ยงที่จะลุกโชนขึ้นมาอีก จะส่งผลกระทบที่เลวร้าย และทวีคูณปัญหาเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย ไปสู่ระดับที่เรายังไม่เคยเจอมาก่อน จึงอยากให้คำนึงถึงเรื่องนี้ และการไม่รักษาวินัยในการป้องกันโรคระบาด ได้สร้างปัญหาให้กับประชาชนคนอื่นๆ ในประเทศของตัวเองมาแล้ว
.
จึงไม่ควรเพิ่มความเสี่ยงให้ประเทศต้องกลับไปล็อกดาวน์อีกครั้ง เหมือนเมื่อเดือนมีนาคมและเมษายนที่ผ่านมา จะยิ่งเพิ่มความเดือดร้อนและเจ็บปวดให้กับทุกคน
.
การชุมนุมจะทำให้การฟื้นเศรษฐกิจเกิดการล่าช้า ทำลายความเชื่อมั่นของนักธุรกิจ และสร้างความลังเลใจให้กับนักท่องเที่ยวที่จะมาเมืองไทย เมื่อถึงเวลาที่เราพร้อมจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้ง การชุมนุมจะสร้างความวุ่นวายในประเทศ และทำลายสมาธิการทำงานของภาครัฐในการจัดการกับโควิด และปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน
จึงอยากให้เอาชนะโควิดและผ่านวิกฤตโลกครั้งนี้ ไปด้วยกัน ให้ได้ก่อน หลังจากนั้นค่อยกลับมาที่เรื่องการเมือง หรือเรื่องรัฐธรรมนูญที่หลายฝ่ายไม่พอใจ
.
แต่ได้สั่งการขอให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติกับผู้ชุมนุมด้วยความนิ่มนวล เพราะยังเชื่อว่า ผู้ที่จะออกมาประท้วง จะมีความตระหนักรู้ ถึงสิ่งที่ควรต้องระมัดระวัง และอยู่ในขอบเขต
.
ผมรู้สึกจริงๆ ครับว่าทุกคนเจ็บปวด “หลายครั้งผมนอนไม่หลับนะครับ เมื่อคิดถึงจำนวนคนที่ต้องตกงาน และจำนวนธุรกิจที่ต้องปิดกิจการลง”
.
เรากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายมาก ซึ่งไม่มีทางออกไหนที่ไม่มีความเจ็บปวดรออยู่ การเปิดประตูประเทศ อาจจะทำให้มีนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาในระดับนึง แต่เราก็รู้ว่า จะมีโควิดเข้าประเทศมาด้วยแน่นอน แม้จะมีการตรวจเช็คขนาดไหนก็ตาม