นายกฯเยอรมนีชี้โควิด-19 ระบาดในเยอรมนีเลวร้ายอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เตือนผู้ป่วยล้นโรงพยาบาลเร็วๆนี้

691
0
Share:

วันนี้ 23 พฤศจิกายน 2564 นายกรัฐมนตรีหญิงเยอรมนี นางแองเกลา แมเคิล กล่าวว่า สถานการณ์โรคระบาดในเยอรมนีในการระบาดรอบที่ 4 ในขณะนี้เป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุด ซึ่งไม่เคยเห็น หรือไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้นับตั้งแต่การระบาดมีขึ้นครั้งแรกเป็นต้นมา สถานการณ์ในขณะนี้เป็นสิ่งที่รุนแรง และขอเตือนว่าในไม่ช้านี้ โรงพยาบาลในเยอรมนีจะมีผู้ป่วยโรคระบาดโควิด-19 ล้นโรงพยาบาล ยกเว้นสถานการณ์ระบาดในรอบที่ 4 จะยุติลง จึงขอเรียกร้องให้ประชาชนชาวเยอรมนีที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ให้รีบมารับการฉีดวัคซีนเร็วที่สุด

สถาบันวิจัยการควบคุมและป้องกันโรคระบาดแห่งชาติ ประเทศเยอรมนี หรือ RKI เปิดเผยว่าในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาถึงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 มีผู้ติดโรคระบาดโควิด-19 เพิ่มขึ้น 40,489 ราย ส่งผลให้ยอดติดเชื้อสะสมเป็น 5,418,681 ราย อยู่อันดับที่ 9 ของโลก และอันดับ 5 ของยุโรป ในขณะที่พบผู้เสียชีวิตรายใหม่ 204 ราย ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 99,817 ราย ซึ่งคาดว่าในวันพรุ่งนี้ 24 พฤศจิกายน เยอรมนีจะเผชิญกับยอดผู้เสียชีคจากโรคระบาดโควิด-19 ทะลุ 100,000 รายเป็นครั้งแรก

ขณะนี้อัตราการติดเชื้อในช่วง 7 วันติดต่อกันถึงเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 ของภาคตะวันออกของแคว้นแซกโซนีในเยอรมนีพุ่งทะยานสูงเกือบ 1,000 รายต่อประชากร 100,000 ราย ซึ่งทำสถิติใกล้เคียงค่าถึง 3 เท่ามากกว่าอัตราเฉลี่ยทั้งประเทศเยอรมนี

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สถาบันวิจัยการควบคุมและป้องกันโรคระบาดแห่งชาติ ประเทศเยอรมนี หรือ RKI เปิดเผยว่า เยอรมนีพบผู้ติดโรคระบาดโควิด-19 รายใหม่พุ่งทะยานถึง 65,371 ราย ทำสถิติติดเชื้อรายวันมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ หรือนับตั้งแต่เกิดการระบาดในเยอรมนีเป็นต้นมา ที่สำคัญยังเป็นตัวเลขติดเชื้อเกิน 60,000 รายเป็นครั้งแรกในวันดังกล่าวอีกด้วย

สำหรับงานเทศกาลตลาดคริสต์มาสประจำปีในเมืองมิวนิค ซึ่งเป็นเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกถูกยกเลิกการจัดงานในปีนี้อย่างเป็นทางการ ซึ่งนับเป็นการยกเลิกเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน สาเหตุจากการระบาดของโรคโควิด-19 รอบที่ 4 ในปัจจุบันที่รุนแรงเป็นประวัติการณ์ เทศกาลดังกล่าวสร้างรายได้ระหว่าง 3,400-5,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 112,200-184,800 ล้านบาท

นายแพทย์คริสเตียน ดรอสเทน กล่าวว่า รัฐบาลเยอรมนีต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่างทันที สถานการณ์ระบาดรอบที่ 4 ที่เลวร้ายที่สุดยังมาไม่ถึงท่ามกลางยอดติดเชื้อรายวันที่พุ่งสูงเกิน 65,000 คนเป็นประวัติการณ์ จากการคาดการณ์จะพบว่าประชาชนชาวเยอรมนีอาจเสียชีวิตจากโรคระบาดโควิด-19 เพิ่มขึ้นอีก 100,000 รายเร็วๆนี้

ทางการแคว้นบาวาเรียประกาศคำสั่งสถานการณ์ฉุกเฉินครอบคลุมทั้งแคว้นบาวาเรียโดยมีผลทันที สาเหตุจากภาวะการระบาดของโรคโควิด-19 ที่รุนแรงเป็นวงกว้างทั้งแคว้น รวมถึงอัตราการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลพุ่งสูงมาก

ทางการเมืองเบอร์ลินประกาศมาตรการห้ามบุคคลใดก็ตามที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสเข้าใช้บริการสถานที่ตามสาธารณะ กำหนดให้ภาคเอกชนหรือเจ้าของธุรกิจให้มีคำสั่งถึงพนักงานทุกคนให้ทำงานจากที่บ้าน และในกรณีจำเป็นต้องเข้าสำนักงานให้จำกัดจำนวนพนักงานไม่เกิน 50% ของปกติ

สถาบันวิจัยการควบคุมและป้องกันโรคระบาดแห่งชาติ กล่าวว่า ภาวะติดโรคระบาดโควิด-19 รอบที่ 4 ในขณะนี้อยู่ในกลุ่มประชาชนที่ยังไม่รับการฉีดวัคซีน หรือได้รับการฉีดเพียง 1 โดส ซึ่งเป็นผลจากขาดการบังคับให้ประชาชนชาวเยอรมนีที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนให้รีบฉีดเร็วที่สุด นอกจากนี้ ชาวเยอรมนีจำนวนมากที่มีทัศนคติในทางลบต่อการรับการฉีดวัคซีน

ปัจจุบัน เยอรมนีทำการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ในรอบแรกได้ครอบคลุมราว 2 ใน 3 หรือ 67% ของประชากรทั้ง 83 ล้านคนทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม พบว่ามีประชาชนที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป จำนวน 16.2 ล้านคน ในจำนวนดังกล่าวมีผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 3.2 ล้านคน ยังไม่รับการฉีดวัคซีน

นอกจากนี้ สำหร้บการฉีดเข็มบูสเตอร์ หรือเข็มที่สามในเยอรมนี พบว่ายังคงมีความล่าช้าโดยในสัปดาห์ที่ผ่านไป 75% ของวัคซีนที่ฉีดไปทั้งหมด 2.5 ล้านโดสเป็นวัคซีนเข็มที่สาม ในขณะที่มีเพียง 13% หรือราว 329,000 รายเป็นผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดเข็มแรก หากยังคงเป็นไปตามนี้ นั่นหมายความว่า จะมีเพียง 10% ของจำนวนประชากรวัยผู้ใหญ่เกือบ 15 ล้านคนที่จะได้รับวัคซีนเพียงเข็มแรกภายในสิ้นปีนี้

เมื่อนับถึงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 เยอรมนีมีผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิดครบโดสแล้วกว่า 56.4 ล้านคน ทำให้อัตราการฉีดวัคซีนอยู่ที่ 68% ขณะที่รัฐบาลเยอรมนีต้องการเห็นอัตราการฉีดวัคซีนครบโดสที่มากกว่า 75% ของเป้าหมาย หรือมากกว่า 62 ล้านคนขึ้นไป ส่งผลให้เยอรมนีเป็นอีกประเทศที่มีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ล่าช้ากว่าอีกหลายประเทศในยุโรป เช่น โปรตุเกสฉีดครอบคลุม 88% สเปนฉีดไปแล้ว 81% เป็นต้น

ทั้งนี้ เยอรมนีเป็น 1 ใน 63 ประเทศกลุ่มเสี่ยงต่ำที่ประเทศไทยประกาศอนุญาตให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว และมีผลตรวจรับรอง สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยโดยไม่ต้องกักตัว มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป