นายกฯ กลับถึงไทยเผย บริษัทยักษ์ใหญ่ต่างชาติสนใจลงทุนในไทยเกือบ 2 แสนล้านบาท

328
0
Share:
นายกฯ เศรษฐา กลับถึงไทยเผย บริษัทยักษ์ใหญ่ต่างชาติสนใจ ลงทุน ในไทยเกือบ 2 แสนล้านบาท

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางกลับถึงประเทศไทยแล้ว กล่าวว่า จากการเดินทาง 4 วัน ได้พบองค์กรต่างๆ อีก 2 องค์กร บริษัทใหญ่ระดับโลก อาทิ เทสลา(Tesla) กูเกิ้ล(Google) ไมโครซอฟท์(Microsoft) ธนาคารซิตี้กรุ๊ป(Citibank) ธนาคารเจพี มอร์แกน(JP Morgan) และบริษัทเครื่องสำอาง เอสเต้ ลอเดอร์(Estee Luder) โดยทั่วไปบริษัทเหล่านี้มีความสนใจที่จะมาลงทุน หรือลงทุนแล้วตามรูปแบบต่าง ๆ หน้าที่ของผมคือไปประกาศอีกหนหนึ่งว่าประเทศไทยเปิดแล้ว พร้อมและยินดีที่จะให้บริษัทเหล่านี้มาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น

นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยอมรับว่า หากจะประมาณมูลค่าของตัวเลขที่ต่างชาติจะเข้ามาลงทุนในไทยเป็นเรื่องยาก แต่หากยกตัวอย่างในภาคส่วนอุตสาหกรรมหรือเทคโนโลยี เช่น เทสลา หรือกูเกิ้ล คาดว่ามูลค่าเบื้องต้น 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1.8 แสนล้านบาท ส่วนบริษัทด้านการเงิน เชื่อว่าจะทำให้มีการลงทุนที่สูงขึ้นอีกมาก เพราะมีโอกาสนำตัวเลยทางเศรษฐกิจที่เจริญเติบโต หรือความน่าอยู่ของประเทศไทย ไปเชื้อเชิญบริษัทอื่น ๆ ให้เข้ามาอีกเยอะ

นอกจากนี้ ยังได้พบกับตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจว่าบริษัทดี ๆ หลายแห่งในไทยไม่เคยไปจดทะเบียนที่ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กเลย ซึ่งตอนนี้ได้เห็นลู่ทางแล้ว หวังว่าปีนี้จะมีสักบริษัทได้เข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก

นายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยว่า สำหรับภารกิจเดินทางไปต่างประเทศครั้งต่อไป คือการร่วมประชุม APEC ณ เมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้นัดหมายกับหลายบริษัท รวมถึงเชื้อเชิญบริษัทในไทยที่ประสงค์จะเปิดประตูทางการค้าด้วย โดยคณะผู้แทนรัฐบาลไทยจะเดินทางล่วงหน้าไปก่อน 2 วัน เพื่อเปิดให้นักธุรกิจไทยไปพบปะกับบริษัทใหญ่ ๆ ของสหรัฐอเมริกา โดยในการเดินทางไปประชุม APEC ครั้งถัดไป ได้หารือกับเลขาฯ บีโอไอ ว่าอาจเชิญบริษัทที่มีขนาดกลางไปเสนอตัวกับต่างชาติ เพื่อให้เกิดการลงทุนระหว่างกันทั้งสองฝ่าย เป็นช่องทางในการสร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนทุกคน

นอกจากบริษัทด้านเทคโนโลยีที่ตนได้ไปพบปะแล้ว ยังมีบริษัทด้านการเงินที่มีความสำคัญ เพราะบริษัทต่างประเทศ ที่เข้ามาลงทุนในไทยก็ต้องการแรงสนับสนุนในด้านการเงิน

ทั้งนี่ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า นักลงทุนต่างประเทศ แทบไม่มีความกังวลการกลับมาสู่ประชาธิปไตยของประเทศไทย แต่มองไปที่ความสะดวกในการมาทำธุรกิจมากกว่า ซึ่งทางเราก็พร้อมมาก สำหรับการเข้ามาลงทุน และรับฟังความคิดเห็น ส่วนใดที่ต้องแก้ไขในเรื่องข้อกฎหมายหรือระเบียบ ก็จะมาดูความเหมาะสม