นายกฯ ชู 3 แนวทาง เพื่อฟื้นฟูพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคอย่างมั่นคงในยุค “Next Normal”

294
0
Share:
Next Normal

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวปาฐกถาพิธีเปิดการประชุมประจำปีของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (ESCAP) สมัยที่ 78 กล่าวว่า “ทำให้ความเหลื่อมล้ำในมิติต่าง ๆ ทั้งภายในและระหว่างประเทศเด่นชัดขึ้น การดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) อยู่ในภาวะชะงักงัน ไทยยึดมั่นและเชื่อมั่นในระบบพหุภาคี สหประชาชาติ และเอสแคปมาตลอด 75 ปีของการเป็นสมาชิกสหประชาชาติ และการดำเนินงานของสหประชาชาติและเอสแคปยิ่งทวีความสำคัญที่จะช่วยให้เราผ่านพ้นความท้าทายในปัจจุบันและอนาคตไปด้วยกัน”

โดยเสนอ 3 แนวทางเพื่อก้าวข้ามการฟื้นฟูหลังวิกฤตโควิด-19 ไปสู่การพัฒนาในภูมิภาคอย่างมั่นคงยั่งยืนในยุค “Next Normal” ได้แก่ การเติบโตอย่างสมดุล พลิกโฉมการพัฒนาไปสู่แนวทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตอบสนองและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเติบโตอย่างมีภูมิต้านทาน สร้างความเข้มแข็งในการรับมือต่อปัจจัยที่ส่งผลกระทบอย่างฉับพลัน โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง และการเติบโตอย่างรอบด้านและครอบคลุม ส่งเสริมความเชื่อมโยงในมิติต่าง ๆ ทั่วถึง อำนวยความสะดวกด้านการค้าการลงทุน การเสริมสร้างความเข้มแข็งของห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาคและโลก โดยโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรมดิจิทัล ส่งเสริม MSMEs และสตาร์ทอัพ จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากในยุค 4IR

ทุกสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ด้วยการพัฒนาทุนมนุษย์ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน รวมทั้งพัฒนาคนทุกช่วงวัยผ่านการศึกษาทุกรูปแบบ และการเสริมสร้างทักษะต่าง ๆ เป็นพลังขับเคลื่อนการเติบโตไปด้วยกัน การใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหัวใจในการพัฒนา และนำโมเดลเศรษฐกิจ BCG มาเป็นแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนของไทย มุ่งสร้างภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกหลังวิกฤติโควิด-19 ที่เปิดกว้าง เชื่อมโยงและสมดุล ซึ่งเป็นแนวคิดพื้นฐานการเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคของไทยในปีนี้ด้วย

ไทยมี EEC ส่งเสริมและรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ รวมทั้งสนับสนุนให้เกิดความหลากหลาย ความเชื่อมโยง และความเข้มแข็งของห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาคในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต รวมทั้งส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางสาธารณสุขที่จำเป็นและขยายให้ครอบคลุมคนทุกกลุ่มในสังคมรวมถึงแรงงานโยกย้ายถิ่นฐานภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งช่วยให้ไทยรับมือกับโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงพร้อมร่วมมือเพิ่มความเข้มแข็งให้สาธารณสุขโลก

“เอสแคปสามารถมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างหุ้นส่วนความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกและภาคส่วนต่าง ๆ ในภูมิภาค รวบรวมองค์ความรู้ และแนวปฏิบัติที่ดี ตลอดจนระดมทรัพยากรที่จำเป็นเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายของเราต่อไป โดยไทยอยากเห็นเอสแคปพัฒนาศักยภาพไปสู่องค์กรที่สามารถใช้องค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญ นวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลใหม่ ๆ ในการคาดการณ์และแจ้งเตือนวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ประเทศไทยมุ่งมั่นและพร้อมสนับสนุนการดำเนินงานของเอสแคป และเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือที่สร้างสรรค์ เพื่อบรรลุวาระร่วมกันในการสร้างหลักประกันที่มั่นคงให้กับคนทุกรุ่น ซึ่งเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของเราทุกคน” นายกรัฐมนตรี กล่าว