นายกฯ ญี่ปุ่นสั่งเพิ่มมาตรการคุมเข้มกับผู้เดินทางจากจีน-นักท่องเที่ยวชาวจีน
นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นายฟูมิโอะ กิชิดะ กล่าวว่า รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศเพิ่มความเข้มงวดสูงกับมาตรการจำกัดนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่อาจจะเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคมนี้เป็นต้นไป
สำหรับมาตรการที่จะบังคับใช้ได้ดังกล่าวนั้น จะใช้กับผู้เดินทางครอบคลุมทั้งชาวต่างชาติและชาวจีนแผ่นดินใหญ่ทุกคนที่เดินทางออกจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ รวมถึงบุคคลที่เคยอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่เป็นเวลา 7 วันก่อนเดินทางเข้าสู่ญี่ปุ่น เมื่อมาถึงญี่ปุ่นจะต้องทำการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคระบาดโควิด-19 ที่สนามบินนานาชาติทุกแห่งของญี่ปุ่น ในกรณีผลตรวจเป็นบวก หรือติดโรคระบาดโควิด-19 จะต้องถูกส่งไปกักตัวเป็นเวลา 7 วันในสถานที่ที่รัฐบาลญี่ปุ่นจัดไว้
มาตรการต่อมา คือ รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศจำกัดจำนวนเที่ยวบินจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่เข้าสู่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเป็นการควบคุมความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในประเทศญี่ปุ่นกับผู้เดินทางมาจากจีนแผ่นดินใหญ่
นอกจากนี้ สำหรับเที่ยวบินตรงจากสนามบินนานาชาติทุกแห่งในจีนแผ่นดินใหญ่ซึ่งบินเข้าประเทศญี่ปุ่น จะถูกกำหนดให้ลงจอดเฉพาะสนามบินนานาชาติในญี่ปุ่นทั้ง 4 แห่งได้แก่ นาริตะ ฮาเนดะ คันไซ และชูบุ มีผลตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2565 เป็นต้นไป
นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวว่าสาเหตุจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่พุ่งทะยานสูงขึ้นอย่างมากมายและต่อเนื่อง รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการของรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ที่ยกเลิกการกักตัวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าจีนแผ่นดินใหญ่โดยจะมีผลในวันที่ 8 มกราคม 2023 เป็นต้นไป
ทริปดอทคอม เว็ปไซต์บริการค้นหาข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง เปิดเผยว่า ภายหลังจากคณะกรรมาธิการสาธารณสุขแห่งชาติจีนแผ่นดินใหญ่ประกาศมาตรการผ่อนคลายยกเลิกการกักตัวชาวต่างชาติเข้าประเทศจีนแผ่นดินใหญ่เมื่อกว่า 12 ชั่วโมงผ่านมา ทำให้ชาวจีนประเมินแนวโน้มที่รัฐบาลจีนจะผ่อนคลายมาตรการให้ชาวจีนเดินทางท่องเที่ยวออกนอกประเทศได้ ส่งผลให้มีชาวจีนแห่เข้าไปค้นหาข้อมูลประเทศจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวในต่างประเทศเป็นจำนวนมากมาย ส่งผลทำสถิติการค้นหาข้อมูลดังกล่าวมากที่สุดในรอบ 3 ปี
สำหรับข้อมูลประเทศที่ชาวจีนต้องการไปมากที่สุดใน 10 ประเทศแรก พบว่า ใน 8 ประเทศแรกที่คนจีนค้นหาข้อมูลมากที่สุด อันดับ 1 คือญี่ปุ่น ตามด้วย ไทย เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ มาเลเซีย ออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักร
