น้ำพริกแคบหมูยายน้อย โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการปรับขึ้นราคาขายครั้งแรกในรอบ 7 ปี มีดังนี้
แถลงการณ์น้ำพริกแคบหมูยายน้อย เรื่อง ขึ้นราคาครั้งแรกในรอบ 7 ปี อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่า สินค้าอุปโภคบริโภคในท้องตลาดได้มีการขึ้นราคามาโดยตลอดในทุก ๆ ปี ไม่ว่าจะเป็น หมู, ปลาทู, กุ้งแห้ง, พริก, หอมเจียว ฯลฯ ยกตัวอย่างเช่น หนังหมูติดมัน เราเคยซื้อตั้งแต่ กิโลกรัมละ 60 บาท ปัจจุบันราคาอยู่ที่ กิโลกรัมละ 80 บาท จึงทำให้มีผลกระทบกับเราโดยตรง ในเรื่องของต้นทุนการผลิตน้ำพริก
ตลอดเวลาการขายน้ำพริกกว่า 7 ปี เราไม่เคยขึ้นราคาเลยแม้แต่บาทเดียว เรา รับภาระต้นทุนมาโดยตลอด ถ้าใครเป็นลูกค้าเราตั้งแต่ปีแรก ๆ จะรู้ว่า เราขายอยู่ที่ราคาขีดละ 50 บาท มาตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบัน และวันนี้เป็นเวลาอันสมควรแล้วครับ ที่เราจะขอทุกคนปรับราคาสินค้าทุกอย่างเพิ่มขึ้นอีกขีดละ 5 บาท การตัดสินใจครั้งนี้เป็นครั้งที่ยากจริง ๆ ครับ เพราะเราก็ไม่อยากจะผลักภาระไปให้ลูกค้าเลย แต่เราจำเป็นจริง ๆขอบคุณลูกค้าทุกคนที่ซัพพอร์ตเรามาโดยตลอด และขอบคุณทุกคนที่เข้าใจเราในการตัดสินใจขึ้นราคาในครั้งนี้นะครับ
ปล.เราใช้หมูนะครับ ไม่ได้ใช้หมา แต่เป็นหมูพันธุ์พิเศษ หมูหลังอาน
ขณะที่ในวันนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ราคาหมูหน้าฟาร์ม หมูเนื้อแดงและหมูสามชั้นในเดือนเมษายน 2568 มีราคาปรับเพิ่มสูงขึ้นในรอบ 1 ปี 10 เดือนไปจนถึงสูงสุดในรอบ 2 ปี โดยราคาหมูหน้าฟาร์มจากราคา 69 บาท/กก. ขึ้นเป็น 69 บาท/กก. สูงสุดในรอบ 1 ปี 10 เดือน หรือมีราคาแพงตั้งแต่มิถุนายน 2566 สอดคล้องกับราคาหมูเนื้อแดงจากราคา 132 บาท/กก. ขึ้นเป็น 147 บาท/กก. สูงสุดในรอบ 2 ปี หรือมีราคาแพงตั้งแต่เมษายน 2566 เป็นต้นมา และราคาหมูสามชั้น จากราคา 193 บาท/กก. ขึ้นเป็น 203 บาท/กก. สูงสุดในรอบ 2 ปี หรือมีราคาแพงตั้งแต่เมษายน 2566
ราคาหมูปรับสูงขึ้นในช่วง 4 เดือนแรกปี 2568 เป็นผลมาจากผลผลิตหมูลดลงราว 2.2% จากอากาศร้อน โดยเฉพาะในเดือนมี.ค.และเม.ย. 2568 ราคาอาหารหมูปรับขึ้นโดยรำสดเพิ่ม 2.3% และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพิ่ม 31% ความต้องการบริโภคพุ่งในเทศกาลตรุษจีนและสงกรานต์ และเกษตรกรรายย่อยบางส่วนเลิกกิจการ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยต่อไปว่าแม้ราคาหมูในช่วงที่เหลือของปี 2568 จะปรับลดลงตามผลผลิตที่เพิ่มจากสภาพอากาศเอื้ออำนวยขึ้น แต่ราคาหมูหน้าฟาร์มทั้งปี 2568 จะยังเพิ่ม 2.6% ดันราคาหมูเนื้อแดงเพิ่ม 3.7% และหมูสามชั้นเพิ่ม 4.8%
