น้ำมันดิบดิ่งต่ำสุดในรอบเกือบ 1 ปี WTI ลดลงเหลือ 67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล วิตกเศรษฐกิจโลก

สถานการณ์ตลาดหุ้นที่ร่วงลงอย่างหนักในยุโรปและสหรัฐอันเนื่องจากความไม่แน่ใจต่อภาคธนาคาร ส่งผลให้เกิดความหวั่นวิตกต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวม และยังทำให้ราคาน้ำมันลดลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุดในรอบกว่า 1 ปี

ราคาน้ำมันดิบหลักทั้ง 2 ตลาดปรับลดลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2564 หลังปรับลงลงต่อเนื่องติดกันเป็นเวลา 3 วัน โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทะเลเหนือลดลง 3.76 ดอลลาร์ หรือราว 4.9% มาอยู่ที่ 73.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสของสหรัฐลดลง 3.72 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หรือลดลง 5.2% มาอยู่ที่ 67.61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำว่าระดับราคาทางเทคนิคที่ 70 และ 68 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเผยเลขยอดค้าปลีกในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งหดตัวลง 0.4% ที่ 6.98 แสนล้านดอลลาร์ ลดลงจาก 7.01 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นผลจากยอดขายที่ลดลงในห้างสรรพสินค้า 4% นอกจากนี้ยอดขายในร้านเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้าน ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ร้านอาหารและบาร์ ก็ลดลงด้วยเช่นกัน

เช่นเดียวกับตัวเลขของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ชี้ว่า ราคาผู้ผลิตในสหรัฐที่ลดลง 0.1% ในเดือนกุมภาพันธ์ เนื่องจากต้นทุนที่มาจากก๊าซ น้ำมันดีเซล และไข่ลดลง โดยนักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า ราคาผู้ผลิตได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แต่อัตราเงินเฟ้อยังคงเพิ่มสูงขึ้น

ทั้งนี้เป็นผลมาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและธุรกิจต่างๆ ซึ่งอาจทำให้เฟดผ่อนปรนมาตรการในการประชุมที่กำลังจะมีขึ้นสัปดาห์หน้า ที่กำลังถูกจับตาอย่างหนักเกี่ยวกับการตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งสำคัญ ท่ามกลางความจำเป็นในการสร้างสมดุลระหว่างการควบคุมเงินเฟ้อกับการสกัดความปั่นป่วนในภาคการธนาคารสหรัฐที่เกิดขึ้น