น้ำมันดิบตลาดโลกดิ่งต่ำสุดใน 6 เดือนกว่า รวม 2 วันติดหายเกือบ 6 ดอลลาร์

407
0
Share:
น้ำมันดิบ ตลาดโลกดิ่งต่ำสุดใน 6 เดือนกว่า รวม 2 วันติดหายเกือบ 6 ดอลลาร์

ตลาดซื้อขายสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า รายงานว่า เมื่อคืนผ่านมา วันที่ 16 สิงหาคม 2565 ตามเวลาสหรัฐอเมริกา ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 86.53 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -2.88 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -3.2% โดยมีราคาต่ำสุดระหว่างวันไปแตะที่ 85.73 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบต่ำสุดนับตั้งแต่ 26 มกราคม หรือในรอบ 6 เดือน 3 สัปดาห์ นอกจากนี้ รวม 2 วันทำการติดกัน ราคาน้ำมันดิบร่วงลงถึง 5.56 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 92.34 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -2.76 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -2.9% โดยมีราคาต่ำสุดระหว่างวันไปแตะที่ 91.71 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบต่ำสุดนับตั้งแต่ 18 กุมภาพันธ์ หรือในรอบ 6 เดือน นอกจากนี้ รวม 2 วันทำการติดกัน ราคาน้ำมันดิบร่วงลงถึง 5.81 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สำหรับเดือนกรกฎาคมที่ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่งรายเดือนร่วงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน นับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปีผ่านมา หรือนับตั้งแต่ปี 2020 ขณะที่สำนักงานรอยเตอร์ส ปรับลดราคาน้ำมันดิบคาดการณ์เฉลี่ยทั้ง 2 แห่งในปี 2022 ลงมาอยู่ที่ 101.28 และ 105.75 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล นับเป็นการปรับลดครั้งแรกในรอบ 3 เดือนผ่านมา หรือตั้งแต่เมษายนที่ผ่านมา

สาเหตุจากนักลงทุนรอติดตามการประเมินผลการตอบสนองของประเทศอิหร่านที่มีต่อมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการเจรจาจำกัดอาวุธนิวเคลียร์ของประเทศอิหร่าน ตัวเลขสร้างอสังหาริมทรัพย์ใหม่เดือนกรกฎาคมในสหรัฐอเมริกาทรุดต่ำสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง เมื่อวานนี้ ภาวะเศรษฐกิจจีนแผ่นดินใหญ่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านไปชะลอตัวอย่างชัดเจน ส่งผลให้ธนาคารกลางจีนต้องประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยสำคัญ 2 ประเภทที่เหนือคาดหมาย ทำให้นักลงทุนประเมินว่าจีนแผ่นดินใหญ่ซึ่งเป็นประเทศนำเข้าน้ำมันดิบมากอันดับ 1 ของโลก เผชิญภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวอย่างชัดเจน