บริษัทออลล์(ALL) แจงไตรมาส 2 เหลือเงินสด 1 ล้านบาท ชักดาบกว่า 2,300 ล้านบาท

330
0
Share:
บริษัท ออลล์ (ALL) แจงไตรมาส 2 เหลือเงินสด 1 ล้านบาท ชักดาบกว่า 2,300 ล้านบาท

นายธนากร ธนวรทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน) หรือ ALL รายงานตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ตามที่บริษัทได้นำส่งงบการเงินสําหรับงวดไตรมาส 2 ปี 2566 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566 ซึ่งผู้สอบบัญชีได้สอบทานและรับรองงบการเงิน โดยไม่แสดงความเห็นต่อข้อมูลทางการเงิน ระหว่างกาลที่สอบทาน ดังต่อไปนี้

ประเด็นขาดสภาพคล่อง: ตามที่ได้เปิดเผยไว้ในหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 1 ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 ในงบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะกิจการ กลุ่มบริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด จํานวน 1 ล้านบาท และ 0.83 ล้านบาท ตามลําดับ หนี้สินหมุนเวียนสูงกว่าสินทรัพย์หมุนเวียน จํานวน 1,943.07 ล้านบาท และ 1,912.83 ล้านบาท ตามลําดับ

และภาระผูกพันในการจ่ายชําระค่าซื้อที่ดินที่ถึงกําหนดชําระภายใน 1 ปี จํานวน 1,523.22 ล้านบาท และ 1,433.65 ล้านบาท ตามลําดับ กลุ่มบรษัทมีผลขาดทุนจากการดําเนินงานอย่างต่อเนื่อง จนส่งผลให้มีผลขาดทุนเกินทุนจํานวน 781.27 ล้านบาท และ 617.74 ล้านบาท ตามลําดับ

และขาดสภาพคล่องทางการเงิน จึงเป็นเหตุให้กลุ่มบริษัทไม่สามารถดําเนินการก่อสร้างโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างในปัจจุบันต่อได้ ผิดนัดชําระหนี้ทั้งจากเจ้าหนี้การค้า เจ้าหนี้เงินกู้ยืม จากบุคคลภายนอก เจ้าหนี้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และหุ้นกู้ รวมถึงผิดนัดชําระดอกเบี้ยหุ้นกู้และผิดนัดชําระคืนเงินรับล่วงหน้าจากลูกค้า ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการจัดหาเงินจากแหล่งเงินทุนเพื่อจ่ายชําระหนี้สินหมุนเวียนและภาระผูกพันที่ถึงกําหนดชําระดังกล่าว

สถานการณ์ปัจจุบัน กลุ่มบรษัทยังไม่สามารถเพิ่มทุนได้ตามแผนธุรกิจเดิมและแผนการขายสินทรัพย์เพื่อนํามาชําระหนี้มีความล่าช้า จึงทําให้มีความไม่แน่นอนที่มีอย่างมีสาระสําคัญที่เกี่่ยวกับความสามารถในการจัดหาเงินทุนเพื่อนํามาใช้ในการชําระคืนหนี้สินของกลุ่มบริษัท และเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2566 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 10/2566 ได้มีมติอนุมัติการจัดทําแผนฟื้นฟูกิจการ และการจัดจ้างสํานักงานทนายความเพื่อดําเนินการยื่นคําร้องขอฟื้นฟูกิจการ

ประเด็นผิดนัดชำระหนี้: ตามที่ได้เปิดเผยไว้ในหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 1 ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 กลุ่มบริษัทมีหนี้สินหมุนเวียนเป็นจำนวนเงิน 5,321.55 ล้านบาท ซึ่งมีจำนวนสูงกว่าสินทรัพย์หมุนเวียนเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นหุ้นกู้ที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี จำนวน 2,323.04 ล้านบาท หุ้นกู้ 4 รุ่น ได้แก่ ALL235A, ALL230A, ALL242A และ ALL252A ผิดนัดชำระดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระในวันที่ 30 มิถุนายน 2566

ตัวแทนผู้ถือหุ้นกู้ใช้สิทธิเรียกให้หุ้นกู้ทั้งหมดถึงกำหนดชำระหนี้โดยพลัน (วันที่ครบกำหนดชำระโดยพลันคือวันที่ 31 กรกฎาคม 2566 ซึ่งเหตุผิดนัดดังกล่าวยังคงดำรงอยู่ ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2566

ดังนั้นเมื่อนำมูลหนี้หุ้นกู้ที่ผิดนัดชำระเงินต้นและดอกเบี้ยที่ถึงกำหนดชำระโดยพลัน ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 400 ล้านบาท จึงเป็นเหตุให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้รุ่นอื่นๆ ที่เหลือ (Cross Default) ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดสิทธิ และหน้าที่ของผู้ออกหุ้นกู้และผู้ถือหุ้นกู้

ปัจจุบันผู้ถือหุ้นกู้ได้มอบหมายให้ตัวแทนผู้ถือหุ้นกู้ดำเนินการเรียกร้องให้ผู้ออกหุ้นกู้ชำระหนี้ไถ่ถอนหุ้นกู้ หรือดำเนินการฟ้องร้องและบังคับจำนองทรัพย์สินหลักประกันของผู้ออกหุ้นกู้ เป็นเงินกู้ยืมระยะสั้นจากบุคคลภายนอก เงินกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงินที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี และเงินกู้ยืมระยะยาวจากบุคคลภายนอกที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี รวมจำนวน 1,544.69 ล้านบาท

ซึ่งบริษัทไม่สามารถจ่ายชำระดอกเบี้ยเงินกู้ยืมดังกล่าวได้ตามระยะเวลาที่กำหนด และเจ้าหนี้เงินกู้หลายรายฟ้องร้องบริษัทต่อศาลแพ่งและศาลอาญา ให้บริษัทจ่ายชำระคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยผิดนัดชำระ ปัจจุบันคดีความอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล นอกจากนี้บริษัทยังมีภาระหนี้สินอื่นๆ ที่ผิดนัดชำระหนี้หรือผิดสัญญาอีกเป็นจำนวนมาก

ประเด็นถูกฟ้องร้อง: ตามที่ได้เปิดเผยไว้ในหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 20 ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 บริษัทถูกฟ้องร้องจากสถาบัน การเงิน บริษัทอื่น และบุคคลธรรมดาหลายรายในคดีต่างๆ จากการผิดสัญญา การเรียกร้องค่าเสียหายและอื่นๆ โดยมีทุนทรัพย์สำหรับงบการเงินเฉพาะกิจการ รวมจำนวน 317.01 ล้านบาท ปัจจุบันคดีความอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล

สถานการณ์ตามที่ได้กล่าวถึงข้างต้นมีผลกระทบและมีความเกี่ยวข้องกัน โดยแสดงถึงความไม่แน่นอนที่มีสาระสำคัญ ต่อความสามารถในการดำเนินงานต่อเนื่องของกลุ่มบริษัท ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าของสินทรัพย์และหนี้สินที่มีสาระสำคัญในงบการเงินรวมและงบการเงินเฉพาะกิจการ

บริษัทขอชี้แจงว่าการที่ผู้สอบบัญชีไม่แสดงความคิดเห็นต่องบการเงินของบริษัท สำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566 ไม่ได้มีสาเหตุจากการถูกจำกัดขอบเขตโดยผู้บริหาร แต่เกิดจากผลกระทบจากความไม่แน่นอนที่มีสาระสำคัญตามสถานการณ์ดังกล่าว