บล.กรุงศรี เปิด 2 ปัจจัยหลักน่าติดตามในตลาดคริปโทฯ ครึ่งปีหลัง จะไปต่อหรือพอแค่นี้

278
0
Share:
บล. กรุงศรี เปิด 2 ปัจจัยหลักน่าติดตามในตลาด คริปโท ฯ ครึ่งปีหลัง จะไปต่อหรือพอแค่นี้

นายเอกราช ศรีศุภวิชากิจ ผู้อำนวยการอาวุโส และ ผู้บริหารฝ่ายพัฒนาธุรกิจดิจิทัลและออนไลน์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลตลอดครึ่งปี 2023 นั้นถือว่าโดดเด่นมาก หากเทียบกับสินทรัพย์การลงทุนชนิดอื่นๆ แน่นอนว่าความผันผวนและความเสี่ยงจะสูงกว่า แต่ถ้ามองแค่ผลตอบแทนถือว่าปรับตัวได้ดีมากๆ ทีเดียว ในปัจจุบัน Market Cap ของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่ที่ 1.23 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวบวกขึ้นมาได้ 55% จากช่วงต้นปี และถ้าดูผลตอบแทนรายตัวของ 10 สินทรัพย์ดิจิทัลที่มีขนาดใหญ่ที่สุด (ไม่รวม Stable coin) ไล่เรียงกันลงมา Price Performance (As of 5/7/23) เป็นดังต่อไปนี้
1. Bitcoin +85.67% YTD
2.Ethereum +61.75% YTD
3.BNB -0.61% YTD
4.XRP +44.64% YTD
5.Lido +64.03% YTD
6.Cardano +17.14% YTD
7.Dogecoin -1.67% YTD
8.Litecoin +48.79% YTD
9.Solana +92.63% YTD
10.TRON +41.33% YTD

จากข้อมูลสินทรัพย์ดิจิทัลดังกล่าวข้างต้น 10 ตัวบวกไป 8 ติดลบเบาๆ เพียงแค่ 2 ซึ่งถือว่าเป็นปีที่ดีใช้ได้ของสินทรัพย์ชนิดนี้ ท่ามกลางข่าวร้ายที่เข้ามากดดันตลอดปี ทั้งปัจจัยภายใน และปัจจัยกดดันจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่น่ากังวล จึงอยากจะชวนให้ติดตาม 2 ปัจจัยดังต่อไปนี้ในครึ่งปีหลังเพราะมีมุมมองว่าน่าจะส่งผลต่อราคาสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคตอยู่พอสมควร

1. Bitcoin Halving ซึ่งถือเป็นนโยบายการเงินส่วนตัวของ Bitcoin ที่จะลดปริมาณ (Supply) ลงทุก 4 ปีโดยประมาณหรือ 210,000 Block และจากสถิติย้อนหลังในอดีตของ Bitcoin หลายครั้งพบว่า Timeline ของการ Halving จะมีรูปแบบที่ซ่อนอยู่และเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาคือ ปรับตัวขึ้นแรงหลังจากการ Halving และปรับฐานหนักในช่วงกลาง หลังจากนั้นแกว่ง Sideway ซึ่งแต่ละ Phase จะกินเวลาประมาณ 1 ใน 3 โดยเฉลี่ย แล้วการ Halving อีกครั้งจะเกิดขึ้นในช่วง Q2 ปี 2024 จึงเป็นปัจจัยที่น่าจับตาเป็นอย่างมาก

2. Blackrock ETF Blackrock ได้ทำการยื่นขอจดทะเบียน Bitcoin ETF กับทาง SEC ของสหรัฐในชื่อ iShare Bitcoin Trust ซึ่งจะอ้างอิงกับ Bitcoin Spot ซึ่งในปัจจุบัน ยังไม่มี ETF รายใดที่จดทะเบียนอ้างอิงกับตลาด Spot ได้เลย ในอดีตมีเพียง ETF ที่อ้างอิงกับตลาด Future เท่านั้น และข้อมูลที่น่าสนใจมากกว่านั้นก็คือ Blackrock มีการยื่นขอจดทะเบียน ETF ในสินทรัพย์ชนิดอื่นๆ กับ SEC มากกว่า 500 ครั้ง ที่สำคัญคือยังไม่เคยมีครั้งไหนที่ขออนุญาตแล้วไม่ผ่านเลยสักครั้ง จากข่าวนี้ทำให้ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลในช่วงกลางเดือนมิถุนายนปรับตัวขึ้นทันที เพราะ Blackrock เองถือเป็นสถาบันการเงินเพื่อการลงทุนขนาดใหญ่ มีลูกค้าและ AUM ภายใต้การจัดการสูงมาก ปัจจัยนี้จึงถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามใกล้ชิดว่า Smart Money รายนี้จะช่วยให้ SEC สหรัฐไฟเขียวกับสินทรัพย์ดิจิทัลบ้างรึยัง และในช่วงเวลาเดียวกัน ก็ยังมีบริษัทอื่นๆอีก 6 แห่งที่ยื่นขอเปิด Bitcoin ETF เหมือนกัน เช่น BitWise, Fidelity, WisdomTree, Invesco และ Valkyrie เป็นต้น

แล้วมารอลุ้นกันว่าครึ่งปีหลังของสินทรัพย์ดิจิทัลจะไปต่อหรือพอแค่นี้ แต่ในมุมของการลงทุน Reward to Risk Ratio หรือการคำนึงถึงผลตอบแทนเทียบกับความเสี่ยงในทุกๆ การลงทุนจะเป็นเกราะป้องกันให้เราผิดพลาดได้ไม่มากก็น้อยในระยะยาว