บล.โกลเบล็กประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งตัวผันผวนไซด์เวย์ กังวลเฟดอัดขึ้นดอกเบี้ย
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ยังแกว่งตัวผันผวนในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยยังมีแรงกดดันจาก โกลด์แมน แซคส์ ประกาศปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของ GDP สหรัฐในปี 2566 ลงเหลือ 1.1% จากเดิมที่ 1.5% ประกอบกับนักลงทุนติดตามการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) วันที่ 20-21 ก.ย.นี้ โดยตลาดให้น้ำหนักการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมสัปดาห์หน้าที่ระดับ 0.75-1.00% จากก่อนหน้าให้น้ำหนักที่ระดับ 0.50-0.75% จึงคาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,600-1,650 จุด
อย่างไรก็ตามยังมีความเสี่ยงหลังสหรัฐประกาศมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียครั้งใหม่ ต่ออุตสาหกรรมกลาโหมและข่าวกรองทางทหารของรัสเซีย รวมถึงผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าขโมยพืชผลจากยูเครน ,ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียลงนามในกฤษฎีกาเพื่อเพิ่มขนาดกองกำลังติดอาวุธของรัสเซียจาก 1.9 ล้านนาย เป็น 2.04 ล้านนาย หลังสงครามยูเครนย่างเข้าสู่เดือนที่ 7
ขณะที่ปัจจัยลบที่กดดันตลาดเป็นภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัว อาทิ ราคาบ้านใหม่ของจีนในเดือนส.ค.ปรับตัวลงในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2564เนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะอุปสงค์ชะลอตัว ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านในสหรัฐลดลงต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาด
โดย โกลเบล็ก แนะนำกลยุทธ์การลงทุนที่ได้ประโยชน์จากการเปิดตัว iPhone 14 เนื่องจากการเปิดตัว iPhone 14 ช่วงที่ผ่านมากระแสตอบรับดีและประเทศไทยขยับขึ้นเป็น Tier-1 วางจำหน่าย 16 ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งหุ้นที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากปัจจัยดังกล่าวได้แก่ COM7, SPVI, CPW และ JMART
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคคำสัปดาห์นี้ จับตาการประชุม FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐขณะที่ตลาดเริ่มให้น้ำหนักการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ 0.75-1.00% ฉะนั้นเฟดอาจจะต้องพิจารณาภาวะเศรษฐกิจควบคู่กันโดยที่ผ่านมา GDP ติดลบถึง 2 ไตรมาส และล่าสุดอัตราการว่างงานสหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้นสะท้อนภาวะเศรษฐกิจที่กำลังถดถอย หากดอกเบี้ยขึ้นสูงแต่ไม่สามารถสกัดเงินเฟ้อได้จะเป็นปัญหาเศรษฐกิจในระยะถัดไป ดังนั้นฝ่ายวิจัยประเมินว่าทองคำยังไร้ปัจจัยหนุนใหม่ อีกทั้งยังต้องจับตาการประชุม FOMC ที่จะมีผลกับปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้ภาพรวมแล้ว upside ยังจำกัด กรอบการซื้อขายอยู่ที่ 1,635-1,680 ดอลลาร์ต่อออนซ์ คำแนะนำซื้อขายตามกรอบที่ให้ไว้
