บาทขยับอ่อน! เงินบาทวันนี้อ่อนค่า ทั้งสัปดาห์คาดบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 35 บาท/ดอลลาร์

183
0
Share:
บาทขยับอ่อน! เงินบาท วันนี้อ่อนค่า ทั้งสัปดาห์คาดบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 35 บาท/ดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.15 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 35.07 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 34.80-35.50 บาทต่อดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 35.00-35.30 บาทต่อดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงบ้าง (แกว่งตัวในกรอบ 34.99-35.18 บาทต่อดอลลาร์) กดดันโดยการย่อตัวลงบ้างของราคาทองคำ ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว หลังบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ รีบาวด์ขึ้นเข้าใกล้ระดับ 4.50% อีกครั้ง อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าลงของเงินบาทก็เป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากเงินดอลลาร์ยังคงแกว่งตัว sideway โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงเคลื่อนไหวใกล้ระดับ 103.9 จุด

“สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าขึ้น หลังเงินดอลลาร์ย่อตัวลง พร้อมกับการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ ตามมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เชื่อว่า เฟดได้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยแล้วและอาจลดดอกเบี้ยลงได้ราว -1% ในปีหน้า สัปดาห์นี้ ควรเตรียมรับมือความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ รายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ ของสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น และรอติดตามรายงานอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3”นายพูน กล่าว

สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท โมเมนตัมการแข็งค่าอาจชะลอลงบ้าง จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ ซึ่งต้องรอลุ้นทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ หลังทยอยรับรู้รายงานอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3 ขณะเดียวกัน ควรระวังความผันผวนจากค่าเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่อาจพลิกกลับมาอ่อนค่าลง หากตลาดมองว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะไม่รีบหรือยังไม่สามารถใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจญี่ปุ่นออกมาแย่กว่าคาด และที่สำคัญ โฟลว์ธุรกรรมทองคำยังคงส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาทได้ ซึ่งต้องจับตาทิศทางราคาทองคำอย่างใกล้ชิด

ในส่วนเงินดอลลาร์อาจรีบาวด์แข็งค่าขึ้นได้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ รายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ รวมถึง ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ออกมาดีกว่าคาด หรือ ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ นั้น ดูดีกว่าเศรษฐกิจหลักอื่นๆ

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ต่างมองว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3 อาจโตราว +2.2%y/y ดีขึ้นจากที่ขยายตัวราว +1.8%y/y ในไตรมาสก่อนหน้า หนุนโดยการฟื้นตัวต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งมีส่วนช่วยหนุนการขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชน ขณะที่ภารการส่งออกที่ยังคงหดตัวอาจเป็นปัจจัยฉุดการเติบโตได้ ทั้งนี้ ยอดการส่งออกของไทยในเดือนตุลาคม มีแนวโน้มขยายตัวได้ดีขึ้น ราว +8.5%y/y ตามความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ Semiconductor ที่ฟื้นตัวดีขึ้น ส่วนสินค้าเกษตรและอาหารก็ยังขยายตัวได้ดี