บิ๊กซีเลื่อนขายหุ้นเข้าตลาดหุ้นไทย ตามรอยเอสซีจี เคมิคอล มองตลาดหุ้นปั่นป่วน

338
0
Share:
บิ๊กซี เลื่อนขายหุ้นเข้า ตลาดหุ้นไทย ตามรอยเอสซีจี เคมิคอล มองตลาดหุ้นปั่นป่วน

บริษัท บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ “BRC” ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “BJC” ประกาศชะลอการดำเนินการตามแผนการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) และการนำหุ้นสามัญของ BRC เข้าจดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ “BRC” เปิดเผยว่า “การตัดสินใจครั้งนี้บริษัทได้พิจารณาจากสถานการณ์ตลาดทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่มีความผันผวนจากสภาวะเศรษฐกิจโลกโดยรวม รวมถึงการพิจารณาร่วมกับที่ปรึกษา จึงพิจารณาชะลอการดำเนินการตามแผน IPO ในครั้งนี้ออกไป ด้วยการพิจารณาอย่างรอบคอบโดยคำนึงถึงประโยชน์ของผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายโดยรวมเป็นหลัก ถึงแม้ว่าที่ผ่านมานักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศให้ความสนใจต่อแผน IPO เป็นอย่างดี หลังจากที่ได้แจ้งแผน IPO ของ BRC เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2566 ตามที่คณะกรรมการบริษัท BJC ได้อนุมัติแผน IPO และ BRC ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวน เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรกและเข้าจดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2566 โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ฯ”

ด้วยเหตุนี้บริษัทจึงได้พิจารณาเห็นสมควรว่า การชะลอแผน IPO ของ BRC จะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายโดยรวม โดยพิจารณาจากทั้งประโยชน์ที่บริษัทและนักลงทุนจะได้รับ จากการคำนึงถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้อง เช่น ความพร้อมของตลาดทั้งในและต่างประเทศที่จะรองรับ การเสนอขาย IPO ขนาดใหญ่จากบริษัทไทยในขณะนี้ รวมถึงสถานการณ์ภายนอก เช่น ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกโดยรวมและวิกฤตราคาพลังงาน เป็นต้น

“อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีความมั่นใจในการเติบโตของธุรกิจที่กำลังฟื้นตัวจากวิกฤติโควิดและจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทจะติดตามสภาวะของตลาดทุน และจะทบทวนแผน IPO ของ BRC อย่างใกล้ชิดเมื่อสถานการณ์ภาพรวมตลาดทุนมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยบริษัทจะรายงานความคืบหน้าที่สำคัญเกี่ยวกับการดำเนินการดังกล่าวให้แก่นักลงทุนและผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายทราบต่อไป” นายอัศวิน กล่าวสรุป

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2566 นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BRC กล่าวเกี่ยวกับการซื้อธุรกิจซุปเปอร์มาร์เก็ตในฮ่องกง และเตรียมนำเข้าจดทะเบียนคู่ขนานทั้งในตลาดหุ้นไทยและฮ่องกง ว่า บริษัทฯ มีวิสัยทัศน์ระยะยาวในการทำธุรกิจค้าปลีกในฮ่องกง จึงได้ให้บริษัท BRC เข้าซื้อธุรกิจเครือข่ายร้านซูเปอร์มาร์เก็ตชื่อว่า AbouThai (อะเบาท์ไทย) ซึ่งเปิดบริการทั้งหมด 24 สาขาในฮ่องกงอย่างสมบูรณ์แบบ สำหรับขั้นตอนต่อไป จะดำเนินการเปลี่ยนชื่อเป็น “Big C” เริ่มตั้งแต่เดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป โดยจะเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตไทยระดับพรีเมียมที่ดีที่สุด

บริษัท BRC วางงบประมาณมูลค่า 158 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือประมาณ 704 ล้านบาทในช่วงเวลา 3 ปีข้างหน้าไว้ เพื่อเป้าหมายในการขยายเครือข่ายสาขาบิ๊กซีเพิ่มอีก 25 สาขาต่อปี ดังนั้น จะทำให้บิ๊กซีมีจำนวนสาขาในฮ่องกงครบ 99 สาขาภายในปี 2569 หรือในอีก 3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ จะมีการจ้างงานพนักงานกว่า 500 ตำแหน่งด้วย

นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล กล่าวต่อไปว่า บริษัทมีแผนจะจดทะเบียนคู่ขนานในตลาดหลักทรัพย์ หรือ dual listing ทั้งในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยในช่วงก่อนหน้านี้ บริษัท BRC ยื่นไฟลิ่งกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ไปแล้วเมื่อเดือนเมษายน 2566 และบริษัทกำลังวางแผนที่จะยื่นไฟลิ่งในฮ่องกงต่อไป ซึ่งหวังว่าจะยื่นไฟลิ่งในฮ่องกงได้เร็วที่สุดภายในไตรมาส 4 ปีนี้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของทางตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงด้วยเช่นกัน สาเหตุที่ต้องการเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง เนื่องจากจะเป็นโอกาสในอนาคตในการร่วมงานกับบริษัทชั้นนำอื่นๆ ที่จดทะเบียนอยู่ในฮ่องกงด้วย

ขณะที่เมื่อวานนี้ 28 สิงหาคม 2566 บมจ.เอสซีจี หรือบริษัทปูนซิเมนต์ไทย เปิดเผยว่า ได้พิจารณาให้ชะลอการเปิดขายหุ้นให้ผู้สนใจทั่วไป หรือหุ้นไอพีโอของบริษัท เอสซีจี เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ SCG Chemicals PLC. หรือ SCGC สาเหตุจากสภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกและในไทยอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เอื้อต่อบรรยกาศการระดมทุน

บมจ.เอสซีจี ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยให้เหตุผลการเลื่อนนำบริษัท เอสซีจี เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ว่า เวลาในขณะนี้อาจไม่เหมาะสมต่อการดำเนินการต่อเนื่องกับการเปิดขายหุ้นระดมทุนให้กับผู้สนใจทั่วไป หรือหุ้นไอพีโอ

บริษัทฯ ได้พิจารณาถึงความเหมาะสมในการเสนอขายหุ้น IPO และนำหุ้นของ SCGC เข้าจดทะเบียนใตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยคำนึงถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้อง เช่น ความพร้อมของตลาดทั้งในและต่างประเทศที่จะรองรับ IPO ขนาดใหญ่จากบริษัทไทยในขณะนี้ รวมถึงสถานการณ์ภายนอก เช่น ด้านเศรษฐกิจและวิกฤตราคาพลังงาน เป็นต้น บริษัทฯ เห็นว่ายังไม่สามารถที่จะดำเนินการ IPO ในช่วงเวลานี้