ปลดรอบสอง! คอยน์เบสสั่งปลดพนักงานกว่า 60 คน ยอดขาดทุนพุ่งกว่า 20,000 ล้านบาท

207
0
Share:
ปลดรอบสอง! คอยน์เบส สั่ง ปลดพนักงาน กว่า 60 คน ยอดขาดทุนพุ่งกว่า 20,000 ล้านบาท

นายไบรอัน อาร์มสตรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอ คอยน์เบสแพลตฟอร์มซื้อขายเงินคริปโตเคอร์เรนซีชื่อดังระดับโลกในสหรัฐอเมริกา ประกาศปลดพนักงานรอบที่ 2 จำนวนกว่า 60 คน ในสายงานทรัพยากรบุคคล และสายงานปฏิบัติงานร่วมองค์กรพันธมิตร สาเหตุจากสถานการณ์ตลาดเงินคริปโทเคอร์เรนซีทั่วโลกกลับมาเกิดปัญหาครั้งใหม่ ซึ่งเกิดขึ้นจากแพลตฟอร์มซื้อขายเงินคริปโทที่มีขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลกอย่างเอฟทีเอ็กซ์ตกอยู่ในสภาวะเสี่ยงสูงที่จะล้มละลาย

ในไตรมาส 3 ผ่านมา คอยน์เบสมีผลประกอบการที่ยังคงย่ำแย่ด้วยผลการดำเนินงานขาดทุนสูงถึง 544.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 20,694 ล้านบาท ซึ่งตรงกันข้ามกับในช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีที่แล้วที่ยังมีผลกำไร 406.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 15,432 ล้านบาท

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา คอยน์เบสแพลตฟอร์มซื้อขายเงินคริปโตเคอร์เรนซีชื่อดังระดับโลกในสหรัฐอเมริกา ประกาศปลดพนักงาน 1,100 คน หรือ 18% ของพนักงานทั้งหมดในปัจจุบัน ซึ่งในเวลานั้น นับเป็นการทำสถิติการปลดพนักงานมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในวงการสินทรัพย์คริปโตเคอร์เรนซี

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ นายไบรอัน อาร์มสตรอง เคยกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกากำลังเผชิญภาวะถดถอยหลังจากผ่านช่วง 10 ปีของเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ดี เศรษฐกิจถดถอยอาจนำไปสู่ภาวะคริปโต วินเตอร์ (Crypto Winter) หรือภาวะหมีของค่าเงินคริปโตเคอร์เรนซีซบเซารุนแรง (Bearish) และอาจกินเวลาอย่างยาวนาน

ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซีอีโอ นายไบรอัน อาร์มสตรอง แจ้งกับพนักงานที่เข้าข่ายปลดออกจากงานว่า บริษัทจะทำการส่งอีเมลไปถึงแต่ละคนที่ต้องตกงานในรอบนี้ นอกจากนี้ ยังคงใช้นโยบายไม่รับพนักงานใหม่ การปรับลดพนักงานจำนวน 1,100 คน จะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ระหว่าง 40-45 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,400-1,575 ล้านบาท

สำหรับราคาหุ้นของคอยน์เบสมีราคากระเตื้องขึ้นมา 5% รับกับข่าวการปลดพนักงานครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นคอยน์เบสมีราคาดำดิ่งถึง 80% ในปีนี้

ทั้งนี้ สภาวะคริปโต วินเตอร์ หรือ Crypto Winter หมายถึงหนึ่งในวงรอบราคาสินทรัพย์คริปโคเคอร์เรนซีที่มีราคาปรับลดลงอย่างรุนแรง ประกอบด้วย 3 รูปแบบ คือ ภาวะ Sell – Offs หมายถึงราคาสินทรัพย์ดังกล่าวลดลงที่ระดับประมาณ 5 – 20% ภาวะที่ 2 คือ ภาวะ Crashes หมายถึงการปรับลดลงของราคาที่ระดับประมาณ 20 – 50% และสุดท้ายกับภาวะคริปโต วินเตอร์ หรือ Crypto Winter ซึ่งมีการปรับราคาลดลงที่ประมาณ 80% ขึ้นไปในระยะเวลา 10 – 12 เดือน

ก่อนหน้านี้ เหตุการณ์ Crypto Winter เคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วงปลายปี 2017 จนถึงช่วงปลายปี 2018 ในช่วงเวลานั้น ราคาเหรียญคริปโทฯ สกุลหลักอย่างเงินบิทคอยน์ถูกกระหน่ำเทขายอย่างรุนแรงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 19,850 ดอลลาร์สหรัฐ มีราคาดำดิ่งรุนแรงกว่า -84%