ปัจจัยนอกหนุน! SET Index ปิดตลาดบวกพุ่ง 10.13 จุด ได้อานิสงส์เจรจาเพดานหนี้ราบรื่น

ดัชนี SET Index ปิดตลาดวันนี้ที่ 1,540.97 จุด บวก 10.13 จุด หรือ 0.66% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 37,756 ล้านบาท โดย ดัชนีตลาดหุ้นไทย ผันผวนในทิศทางปรับตัวสูงขึ้นเกือบทั้งวัน ซึ่งดัชนีฯ ทำจุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,535.63 จุด และสูงสุดอยู่ที่ 1,543.11 จุด

สำหรับ 3 อันดับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด ได้แก่
1. DELTA มูลค่า 1,535.79 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 96.25 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท หรือ 3.22%
2. PTT มูลค่า 1,532.03 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 31.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลงไปจากราคาปิดก่อนหน้า
3. CPALL มูลค่า 1,334.94 ล้านบาท ราคาหุ้นอยู่ที่ 63.25 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลงไปจากราคาปิดก่อนหน้า

ขณะที่ตลาด SET50 ปิดที่ 931.76 จุด ปรับ+7.04 จุด หรือ +0.76% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 23,951.81 ล้านบาท

ด้านตลาด mai ปิดที่ 486.60 จุด ปรับขึ้น +2.22 จุด หรือ +0.46% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1,776.82 ล้านบาท

นายนายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า วันนี้หุ้นไทยได้รับอานิสงส์จากประเด็นเรื่องการเจรจาเพดานหนี้ได้เป็นไปอย่างราบรื่น และถ้อยแถลงของเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐออกมาเปิดเผยว่า “เส้นตาย” การผิดนัดชำระหนี้ไม่ใช่วันที่ 1 มิ.ย. แต่เป็นวันที่ 5 มิ.ย. แทน ทั้งหมดจึงส่งผลให้ตลาดหุ้นโลก รวมทั้งตลาดหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้น แต่อัปไซด์ยังคงจำกัดอยู่ เพราะต่างชาติยังคงเทขายอย่างต่อเนื่องจากความกังวลเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลยังไม่นิ่ง

โดยวันพรุ่งนี้ (30 พ.ค.) ดัชนีฯ มีแนวโน้มเเกว่งตัวกรอบแคบ ด้วยแนวรับในช่วง 1,535-1,530 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,545 จุด จับตาท่าทีของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ต่อทิศทางดอกเบี้ยในอนาคต ในวันพุธที่ 31 พ.ค. นี้ โดยบรรดานักวิเคราะห์มองว่า กนง. อาจขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย การลงคะแนนขยายเพดานหนี้สหรัฐวันพุธที่ 31 พ.ค. นี้ การประกาศตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของจีนวันพุธที่ 31 พ.ค. นี้ รวมทั้ง ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐที่จะประกาศในช่วงปลายสัปดาห์นี้ และตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่จะประกาศก่อนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (Fed)ในช่วงกลางเดือน มิ.ย.

ส่วนนโยบายการเงินของเฟด ช่วงที่ผ่านมาบรรดานักวิเคราะห์กว่า 80-90% มองว่าเฟดจะหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่หากพิจารณาผลการประชุมเฟดซึ่งเผยแพร่เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาจะพบว่าคณะกรรมการเฟดเสียงแตกเป็น 2 ฝั่งคือ ฝั่งที่เห็นด้วยกับการคงอัตราดอกเบี้ยกับฝั่งที่ให้ขึ้น ดังนั้นจำเป็นต้องจับตาตัวเลขเงินเฟ้อและตัวเลขการจ้างงานที่จะประกาศ โดยปัจจุบันนักวิเคราะห์กว่า 60% มองว่าเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยอีก เพราะตัวเลขทางเศรษฐกิจออกมาเเข็งเเกร่งอย่างมาก”

หมายเหตุ – ข้อมูลเพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ใช่ข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน