ปิดสวนทาง! ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดขึ้นกว่า 100 จุด น้ำมันดิบโลกปิดเหนือกว่า 86 ดอลลาร์

121
0
Share:
ปิดสวนทาง! ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ปิดขึ้นกว่า 100 จุด น้ำมันดิบโลกปิดเหนือกว่า 86 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2023 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 35,281 จุด +105 จุด หรือ +0.30% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,464 จุด -4 จุด หรือ -0.01% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 13,644 จุด -93 จุด หรือ -0.68% ในสัปดาห์ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่งปิดสวนทาง +0.6%, -0.3% และ -1.9% ตามลำดับ ซึ่งดัชนีหุ้นรายสัปดาห์เอสแอนด์พี 500 และนาสแดค ปิดแดนลบเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน

สาเหตุจากอัตราเงินเฟ้อผู้ผลิตทั่วไปเดือนกรกฎาคมเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยขึ้นมาเป็น 0.3% จากที่คาดว่าจะเพิ่มเป็น 0.2% เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมิถุนายนผ่านมา ก่อนหน้านั้นเมื่อวันพฤหัสบดี อัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคทั่วไปและขั้นพื้นฐานเดือนกรกฎาคมที่จะประกาศออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ จากที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.3% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีผ่านมา แต่กลับเพิ่มขึ้นมาเป็น 3.2% อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อขั้นพื้นฐานเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีผ่านมายังคงเพิ่มขึ้นมาเป็น 4.7%

นักลงทุนยังคงติดตามแนวโน้มสูงในการประชุมดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด ที่จะมีการประชุมในเดือนหน้า ขณะที่ตัวชี้วัดแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือเฟด ที่เรียกว่า ซีเอ็มอีเฟดวอทช์ ทูล พบว่า มีโอกาส 86.5% ที่เฟดจะตรึงดอกเบี้ยดังกล่าวในการประชุมเดือนกันยายนนี้

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 83.19 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.37 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +0.5% ขณะที่เมื่อวันพุธที่ 9 สิงหาคม 2023 ทำสถิติราคาปิดสูงสุดในรอบ 7 เดือนกว่า หรือตั้งแต่พฤศจิกายน 2022 ผ่านมา

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 86.81 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +0.41 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +0.5% ขณะที่เมื่อวันพุธที่ 9 สิงหาคม 2023 ทำสถิติราคาปิดสูงสุดในรอบ 6 เดือนกว่า หรือตั้งแต่ 27 มกราคมผ่านมา

ในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

ในสัปดาห์ผ่านไป ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทั้ง 2 แห่ง ปิดขึ้น +0.5% ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกรายสัปดาห์เพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกัน ทำสถิติยาวนานที่สุดในรอบ 1 ปี 1 เดือนครึ่ง หรือนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2022

สาเหตุสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือไออีเอ เปิดเผยรายงานว่าเดือนมิถุนายนผ่านไปนั้น การบริโภคน้ำมันดิบทั่วโลกพุ่งสูงแตะ 103 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่าตัวเลขดังกล่าวมีแนวโน้มทำลายสถิติใหม่ในเดือนสิงหาคมนี้ ทำให้ประเมินว่าตลอดปีนี้ ตัวเลขดังกล่าวจะอยู่ที่วันละ 102.2 ล้านบาร์เรล

ในขณะเดียวกัน ไออีเอยังคาดการณ์ว่า รัสเซียและซาอุดีอาระเบียปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบ จะทำให้สต็อกน้ำมันดิบโลกลดลงอย่างมากในช่วงที่เหลือถึงสิ้นปีนี้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มชัดเจนที่จะพุ่งสูงต่อเนื่อง

ตลาดคาดการณ์ยังคงคาดการณ์ว่าภาวะสต๊อกน้ำมันดิบโลกยังตึงตัวต่อเนื่องท่ามกลางรัสเซียลดการส่งออกน้ำมันดิบ สอดคล้องกับสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือไออีเอ เปิดเผยว่าในครึ่งปีหลังนี้ ภาวะตลาดน้ำมันดิบโลกจะตึงตัว สาเหตุจากความต้องการใช้น้ำมันดิบของจีนแผ่นดินใหญ่

ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 1,912.92 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -2.57 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.05% ขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ระดับ 1,945.40 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -3.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -0.18% ส่งผลราคาทองคำรายสัปดาห์ในสัปดาห์นี้ร่วงลง -1.2% ทำสถิติราคาทองคำตลาดโลกต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์

เมื่อกลางเดือนเมษายนผ่านไป ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาปิดสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 2,048.71 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากวิกฤตธนาคารเอสวีบี และเอสบี ปิดกิจการและถูกควบคุมโดยทางการสหรัฐอเมริกา

ย้อนกลับไปในปี 2022 ผ่านไปเมื่อเดือนมีนาคม พบว่าราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.49 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับแข็งค่าขึ้นสอดคล้องกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปี กลับเพิ่มสูงขึ้น ทำสถิติรายสัปดาห์ขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน หลังการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐอเมริกาเดือนกรกฎาคมในกลางสัปดาห์ผ่านไป พบว่าแรงกดดันต่อการตัดสินใจทิศทางดอกเบี้ยระยะสั้นสหรัฐอเมริกาผ่อนคลายลง

นักลงทุนให้น้ำหนักสัญญาณและแรงกดดันต่อการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาในการประชุมเดือนกันยายน โดยเฉพาะการคาดการณ์ว่ารอบการสิ้นสุดการขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดจะเกิดขึ้นหรือไม่ และเร็วที่สุดเมื่อไหร่

ขณะนี้ ตัวชี้วัดการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนกันยายน เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 86.5%