ปิดสวนทาง! ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดพุ่งกว่า 100 จุด น้ำมันดิบโลกปิดพุ่งขึ้นเหนือ 88 ดอลล์

129
0
Share:
ปิดสวนทาง! ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ปิดพุ่งกว่า 100 จุด น้ำมันดิบโลกปิดพุ่งขึ้นเหนือ 88 ดอลล์

เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2023 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 34,837 จุด +115 จุด หรือ +0.33% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 4,515 จุด +8 จุด หรือ +0.18% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 14,031 จุด -3 จุด หรือ -0.02% ในสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดเพิ่มขึ้น +1.4%, +2.5% ทำสถิติรายสัปดาห์ดีที่สุดในรอบ 1 เดือน และ +3.3% ทำสถิติรายสัปดาห์ดีที่สุดในรอบ 2 เดือน ตามลำดับ ขณะที่ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านไป ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดลดลง -2.36%, -1.77% และ -2.17% ตามลำดับ

สาเหตุจากนักลงทุนประเมินแรงกดดันต่อการตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาอาจยังมีอยู่บ้าง หลังจากจำนวนจ้างงานคนอเมริกันนอกภาคการเกษตรเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้นถึง 187,000 คน ซึ่งสูงกว่าที่ 170,000 คนจากที่คาดไว้ ขณะที่อัตราการว่างงานในเดือนเดียวกันพลิกกลับพุ่งขึ้นเกินคาดหมายขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3.8% ด้านค่าจ้างแรงงานรายชั่วโมงเฉลี่ย พบว่าเพิ่มขึ้น 4.29% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับในปีผ่านมา ซึ่งต่ำกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.4%

ก่อนหน้านี้ ตัวเลขบริโภคส่วนบุคคลชาวอเมริกันขั้นพื้นฐาน หรือ PCE ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นตัวเลขที่ธนาคารสหรัฐอเมริกาให้ความสำคัญมากที่สุดในการประเมินทิศทางเงินเฟ้อและดอกเบี้ยระยะสั้น พบว่าเพิ่มขึ้น 0.2% และเพิ่มขึ้น 3.3% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้านี้ และเทียบกับช่วงเดียวกันในปีผ่านมาตามลำดับ ในขณะที่คืนวันนี้ นักลงทุนรอการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนกรกฎาคมของสหรัฐอเมริกา ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นที่ 170,000 คน

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 85.02 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.39 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.7% ส่งผลราคาน้ำมันดิบขึ้น 7 วันติดกันรวม +6.16 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในช่วงระหว่างวัน มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดถึง 85.81 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล สูงสุดในรอบ 9 เดือนครึ่ง หรือตั้งแต่ 16 พฤศจิกายน 2022 เป็นต้นมา

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 88.49 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.66 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.9% ส่งผลราคาน้ำมันดิบขึ้น 3 วันติดกันรวม +3.03 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในช่วงระหว่างวัน มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดถึง 88.75 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล สูงสุดในรอบ 7 เดือน หรือตั้งแต่ 27 มกราคมเป็นต้นมา

ในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สำหรับราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทั้ง 2 แห่ง ได้แก่ ไนเม็กซ์ นิวยอร์ก และเบร็นท์ อังกฤษ ในสัปดาห์นี้ ปิดเพิ่มขึ้นถึง +7.2% และ +4.8% ทำสถิติราคาน้ำมันดิบรายสัปดาห์ที่ดีที่สุดในรอบ 5 และ 1 เดือนตามลำดับ ขณะที่เดือนสิงหาคม พบว่า ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทั้ง 2 แห่งปิดเพิ่มขึ้น +2.2% และ 1.5% ตามลำดับ นอกจากนี้ ยังเป็นราคาน้ำมันดิบตลาดโลกรายเดือนที่ปิดเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน

สาเหตุจากรองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย นายอเล็กซานเดอร์ โนวาค เปิดเผยว่ารัสเซียตกลงกับกลุ่มโอเปกพลัสแล้ว ที่จะลดกำลังการผลิต และลดปริมาณส่งออกน้ำมันดิบโดยจะเปิดเผยรายละเอียดในสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ คาดการณ์ว่าประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นผู้นำในกลุ่มโอเปกพลัสจะลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบวันละ 1 ล้านบาร์เรลต่อเนื่องจากเดิมที่สิ้นสุดในเดือนกันยายนไปเป็นเดือนตุลาคมปีนี้

ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 1,938.79 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +0.05% ขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้า หรือ Gold Future นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ระดับ 1,966.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +0.30 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.02% ในสัปดาห์นี้ ราคาทองคำตลาดโลกปิดขึ้น +1.2% ขณะที่ราคาทองคำตลาดโลกในเดือนสิงหาคม ปิดลดลง -2.16% และยังเป็นราคาทองคำรายเดือนที่ลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันด้วย

เมื่อกลางเดือนเมษายนผ่านไป ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาปิดสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 2,048.71 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากวิกฤตธนาคารเอสวีบี และเอสบี ปิดกิจการและถูกควบคุมโดยทางการสหรัฐอเมริกา

ย้อนกลับไปในปี 2022 ผ่านไปเมื่อเดือนมีนาคม พบว่าราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.49 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพลิกแข็งค่าขึ้นจากที่เคยทำสถิติอ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ สอดคล้องกับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริการะยะสั้นอายุ 10 ปี กลับเพิ่มขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญดังกล่าวในคืนผ่านมา

ขณะนี้ ตัวชี้วัดการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนกันยายน กลับเพิ่มขึ้นแตะระดับ 93% จากเดิมที่ระดับ 89% ขณะที่โอกาสตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมเดือนพฤศจิกายนอยู่ที่ 64% จากเดิมที่ระดับ 55%