ปิดส่งท้ายเมษายน เทขายหุ้นดาวโจนส์ร่วงกว่า 280 จุด

เมื่อวันที่ 30 เมษายน(ตามเวลาในสหรัฐ) ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ระดับ 24,345 จุด -288 จุด หรือ -1.17% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 2,912 จุด -27 จุด หรือ -0.92% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 8,889 จุด -25 จุด หรือ -0.28% ในเดือนเมษายน ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่งพุ่งทะยาน +11.1% และ +12.7% ทำสถิติดัชนีหุ้นรายเดือนพุ่งทะยานดีที่สุดในรอบ 30 ปี และ +15.5% ดีที่สุดในรอบ 19 ปี 10 เดือน หรือตั้งแต่มิถุนายนปี 2000 นอกจากนี้ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ยังทำสถิติพุ่งขึ้นรายเดือนที่มากที่สุดเป็นเดือนที่ 3 นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
.
สาเหตุจากนักลงทุนทำกำไรปิดส่งท้ายเดือนเมษายน นอกจากนี้ มีความกังวลเกี่ยวกับผลกำไรสุทธิของกลุ่มเทคโนโลยีที่อาจจะไปชดเชยกับรายได้ในข่วงไตรมาสที่ 3 จากผลประกอบการบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีออกมาแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นการปรับตัวจากผู้บริโภคที่ใช้เครือข่ายเทคโนโลยีออนไลน์จากภาวะโรคระบาดโควิด-19
.
ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 18.84 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +3.78 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +25% ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 25.27 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +2.73 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ +12.11% สำหรับเดือนเมษายน พบว่า ราคาไนเม็กซ์ นิวยอร์ก และเบร็นท์ อังกฤษ ลดลง -12% และทะยาน 12% ตามลำดับ หากนับตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นเมษายน ราคาน้ำมันดิบทั้ง 2 แห่ง ดำดิ่งหนัก -65% และ -70% ตามลำดับ
.
สาเหตุจากปริมาณสำรองน้ำมันดิบในสหรัฐไม่ได้เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ภาวะน้ำมันดิบล้นตลาดในสหรัฐยังไม่เกิดขึ้นชัดเจน ขณะที่นักลงทุนคาดหวังการทยอยเปิดภาคเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
.
ราคาทองคำนิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,694.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -19.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ในเดือนเมษายนนี้ ราคาทองคำโลกทะยาน 7% ทำสถิติดีที่สุดในรอบ 8 เดือน หรือตั้งแต่สิงหาคมปี 2562 โดยเมื่อวันที่ 14 เมษายนมีราคาทองคำสูงสุดแตะที่ระดับ 1,746.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ สูงสุดในรอบ 7 ปี สาเหตุจากนักลงทุนทำกำไรจากแนวโน้มการทยอยเปิดรัฐบางแห่ง และภาคธุรกิจบางส่วนในสหรัฐ