ปิดเขียวส่งท้าย ดัชนีดาวโจนส์ปิดขึ้นกว่า 30 จุด น้ำมันดิบโลกปิดขึ้นเฉียด 96 ดอลลาร์

194
0
Share:
ปิดเขียวส่งท้าย ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ปิดขึ้นกว่า 30 จุด น้ำมันดิบโลกปิดขึ้นเฉียด 96 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 33,747 จุด +32 จุด หรือ +0.10% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 3,992 จุด +36 จุด หรือ +0.92% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 11,323 จุด +209 จุด หรือ +1.88% ในสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิดทะยานขึ้น +4.1%, +5.9% และ +8.1% ตามลำดับ โดยเฉพาะดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ในสัปดาห์นี้ทำสถิติเป็นสัปดาห์ที่ดีที่สุดในรอบ 4 เดือนกว่า หรือนับตั้งแต่ 24 มิถุนายนเป็นต้นมา

ในสัปดาห์นี้เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน ดัชนีหุ้นดาวโจนส์พุ่งกระฉูดถึง 1,201 จุด ส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดพุ่งกระฉูดมากที่สุดใน 1 วันสูงสุดในรอบ 2 ปี 6 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2020 เป็นต้นมา ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 พุ่งกระฉูดมากที่สุดใน 1 วันสูงสุดในรอบ 2 ปี 5 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2020 และดัชนีหุ้นนาสแดคพุ่งกระฉูดมากที่สุดใน 1 วันสูงสุดในรอบ 2 ปี 8 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020

สาเหตุจากนักลงทุนดีใจอย่างมากที่อัตราเงินเฟ้อเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้นแต่ต่ำกว่าที่คาดหมายไว้มาก โดยเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นเพียง 0.4% และ 7.7% ตามลำดับจากที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6% และ 7.9% ตามลำดับ สอดคล้องกับเงินเฟ้อขั้นพื้นฐานเพิ่มขึ้นเพียง 0.3% และ 6.3% ตามลำดับจากที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6% และ 7.9% ตามลำดับ ส่งผลให้เป็นอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นต่ำสุดในรอบ 9 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนมกราคมปีนี้ ที่สำคัญ เงินเฟ้อทั่วไปยังลดต่ำลงจากเดือนกันยายนที่สูงถึง 8.2%

นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปี ร่วงลงถึง 0.3% มาอยู่ที่ระดับ 3.81% เช่นเดียวกันอายุ 2 ปี ลดลง 0.3% มาอยู่ที่ระดับ 4.32% รวมถึงดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงแตะระดับ 106.594 ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 2 เดือนกว่า หรือนับตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคมผ่านมา ส่งผลให้ในสัปดาห์นี้ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วง -3.8% ทำสถิติต่ำสุดนับตั้งแต่ 27 มีนาคม 2020 หรือในรอบ 2 ปี 7 เดือน นอกจากนี้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงอย่างมากเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญ โดยดำดิ่งมากที่สุดใน 1 วันทำการที่มากสุดในรอบ 13 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา

ปัจจัยลบใหม่ได้แก่ ตลาดเงินคริปโทเคอร์เรนซีที่ตกต่ำอย่างรุนแรงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน หลังจากไบแนนซ์แพลตฟอร์มซื้อขายเงินคริปโทเคอร์เรนซีที่ใหญ่ที่สุดในโลกกลับลำไม่เข้าช่วยเหลือเอฟทีเอ็กซ์ ซึ่งแพลตฟอร์มซื้อขายเงินคริปโทเคอร์เรนซีที่ใหญ่สูสีกับไบแนนซ์แบะประสบวิกฤตขาดสภาพเงินสดครั้งใหญ่ ด้วยการยกเลิกแผนข้อตกลงซื้อหน่วยธุรกิจเอฟทีเอ็กซ์ที่อยู่นอกตลาดสหรัฐอเมริกา โดยให้เหตุผลว่า ต้องรอขั้นตอนการประเมินสินทรัพย์ หรือ Due Diligence ทั้งหมดก่อน ที่สำคัญ ก.ล.ต.สหรัฐอเมริกาเข้าตรวจสอบความผิดพลาดของการบริหารงานเอฟทีเอ็กซ์

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 88.96 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +2.49 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.9% ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 95.99 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +2.32 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +1.1% ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากทางการจีนผ่อนคลายมาตรการระยะเวลากักตัวผู้ติดเชื้อและกลุ่มเสี่ยงภายในประเทศ แบะยกเลิกบทลงโทษกับสายการบินที่นำผู้ติดโรคระบาดโควิด-19 ส่งผลให้คาดหวังว่าเศรษฐกิจจีนจะกลับมาฟื้นตัว เงินเฟ้อเดือนตุลาคมในสหรัฐอเมริกาลดลงอย่างมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ โดยเป็นการเพิ่มขึ้นที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่ต้นปีนี้ บรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาที่สุดคึกคักในรอบ 2 ปีกว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่ดำดิ่งใน 1 วันทำการที่มากที่สุดในรอบ 13 ปี ทำให้ประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาอาจลดแรงกดดันขึ้นดอกเบี้ยส่งท้ายปลายปีในช่วงกลางเดือนธันวาคม ทำให้เศรษฐกิจอาจชะลอตัวไม่มากกว่าที่คาดไว้

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,769.60 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +12.70 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +0.9% ทำให้ราคาปิดขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 เดือน ในสัปดาห์นี้ ราคาทองคำล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 5% ทำสถิติราคาทองคำรายสัปดาห์ที่ดีที่สุดในรอบ 2 ปี 3 เดือน หรือนับตั้งแต่กรกฎาคม 2020 เป็นต้นมา

ก่อนหน้านี้ ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมีนาคม 2565 ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงอ่อนค่าอย่างหนาตา โดยตกต่ำมากที่สุดใน 1 วันในช่วง 13 ปีผ่านมา หรือนับตั้งแต่ปี 2209 รวมถึงดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐลดลงอย่างรวดเร็ว ตามด้วยผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 10 ปี ปรับลดลงต่อเนื่องจากระดับสูงสุดในรอบกว่า 14 ปี หรือตั้งแต่กรกฎาคม 2008 หลังจากอัตราเงินเฟ้อเดือนตุลาคมในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นต่ำกว่าที่คาดไว้มาก ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาอาจทบทวนการชะลอขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้น