ปิดโรงงานถุงมือยางใหญ่ที่สุดในโลกต่อ 14 วัน หลังตั้งอยู่พื้นที่ศูนย์กลางโควิด

762
0
Share:

รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม มาเลเซีย เปิดเผยว่า รัฐบาลมีความจำเป็นต้องขยายระยะเวลาคำสั่งสั่งปิดหอพักคนงานในโรงงานท็อป โกล์ฟ คอร์ปอเรชั่น ที่เป็นผู้ผลิตถุงมือยางใหญ่ที่สุดในโลก จากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันจันทร์นี้ 30 พฤศจิกายน ไปเป็นวันที่ 14 ธันวาคม หรืออีก 14 วันจากนี้ไป
.
สาเหตุจากโรงงานของท็อป โกล์ฟ คอร์ปอเรชั่น ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองคลังวัลเลย์ (Klang Valley) กลายเป็นศูนย์กลางการระบาดของโรคโควิด-19 ล่าสุด พบว่าจำนวนการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จากคนงานทั้งหมด 5,805 ราย ปรากฏว่า พบติดเชื้อจำนวน 3,406 ราย หรือคิดเป็น 58.7% ของคนงานทั้งหมดในโรงงานดังกล่าว
.
ในสัปดาห์ที่ผ่านไป รัฐบาลมาเลเซียสั่งปิดโรงงานจำนวน 28 แห่ง ซึ่งเป็นของบริษัท ท็อป โกล์ฟ คอร์ปอเรชั่น เนื่องจากโรงงานทั้ง 28 แห่ง ตั้งอยู่ในรัฐสลังงอร์ ซึ่งกลายเป็นรัฐที่เป็นศูนย์กลางการระบาดโรคโควิด-19 ของประเทศมาเลเซีย นอกจากนี้ ยังพบว่ามีพนักงานในโรงงานดังกล่าวตรวจพบติดโรคระบาดโควิด-19 จำนวน 1,067 ราย จากทั้งหมด 1,884 ราย หรือราว 56.6%
.
ด้านสถานการณ์การระบาดโรคโควิด-19 ในมาเลเซียนั้น รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข มาเลเซีย เปิดเผยว่า ในวันนี้ 30 พฤศจิกายน เมื่อเวลา 20.15 น. (ตามเวลาไทย) พบผู้ติดโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้น 1,212 ราย ส่งผลผู้ติดโรคสะสมอยู่ที่ 65,697 ราย มาอยู่ที่ 83 ของโลก และอยู่อันดับที่ 5 ของอาเซียน ขณะเดียวกันผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 3 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้เสียชีวิตสะสมเป็น 360 ราย
.
ทั้งนี้ ราคาหุ้นของบริษัท ท็อป โกล์ฟ คอร์ปอเรชั่น ร่วงแรงถึง 17% ในเดือนพฤศจิกายน หลังจากบริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่หลายแห่งของโลก ประกาศผลการทดลองวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 มีประสิทธิภาพมากกว่า 90% ทุกราย ทำให้กลายเป็นปัจจัยลบต่อความต้องการถุงมือยางในอนาคต ท็อป โกล์ฟ คอร์ปอเรชั่น มีพนักงานมากกว่า 21,000 คน มีกำลังการผลิตมากถึง 90,000 ล้านชิ้นต่อปี ด้วยสายพานการผลิต 750 ชุด
.