ปีมหาชง! ครบ 9 เดือน ตลาดหุ้น-พันธบัตรทั่วโลกเสียหายอ่วมกว่า 1,368 ล้านล้าน
ธนาคารแบงค์ ออฟ อเมริกา หรือ BOA เปิดเผยว่า สถานการณ์นักลงทุนลดการลงทุนในตลาดหุ้น และตลาดพันธบัตรรวมถึงหุ้นกู้ ด้วยการขายหุ้น พันธบัตรรัฐบาล และหุ้นกู้รวมกันในช่วง 9 เดือนของปีนี้ ทำให้เม็ดเงินลงทุนออกจากตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรรวมกันทั้งสิ้น 36 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,368 ล้านล้านบาท ส่งผลให้ทำสถิติเงินลงทุนไหลออกพุ่งถึง 2 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงระหว่างกลางปี 2020 และช่วงปลายปี 2021 ที่ผ่านมา
นักกลยุทธ์ ธนาคาร BOA เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 2021 เป็นต้นมา พบว่าธนาคารกลางทั่วโลกมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นรวมกันทั้งสิ้น 294 ครั้ง นอกจากนี้ ในช่วงระยะเวลา 7 เดือนผ่านมา ธนาคารกลางทั่วโลกถอนมาตรการซื้อคืนพันธบัตรในระบบการเงิน หรือมาตรการคิวอี รวมทั้งสิ้น 3.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 118 ล้านล้านบาท ด้วยเหตุนี้ ตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตรและหุ้นกู้ทั่วโลกจึงเกิดภาวะดัชนีหุ้นตกต่ำอย่างรุนแรงและต่อเนื่องถึงขั้นเข้าสู่ภาวะหมี หรือ Bear Market ในตลาดหุ้นแทบทุกแห่งทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดพันธบัตรและหุ้นกู้ทั่วโลกดำดิ่งอย่างรุนแรงในรอบ 74 ปี และเข้าสู่ภาวะหมีด้วย
ธนาคาร BOA เปิดเผยต่อไปว่า สภาพความผันผวนรุนแรงในตลาดหุ้นและพันธบัตรทั่วโลกยังคงมีต่อเนื่องอย่างชัดเจน เนื่องจากดัชนีความผันผวนค่าเงิน BOA พุ่งทะยานขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ในปี 2020 สอดคล้องกับธนาคารโกลด์แมน แซคส์ และแบล็คร๊อค อินคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นที่เกิดภาวะถล่มเทขายอย่างรุนแรงและต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันยังไม่ได้ประเมินปัจจัยเศรษฐกิจถดถอยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
บรรยากาศตลาดหุ้นนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ที่ตกต่ำอย่างรุนแรงและต่อเนื่องในไตรมาสที่ 3 ปีนี้ ทำให้ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดร่วงลงเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน ทำสถิติย่ำแย่ที่สุดในรอบ 14 ปี หรือนับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาในปี 2008 ที่สำคัญ คือ เป็นครั้งแรกในรอบ 84 ปี ที่ดัชนีหุ้นดังกล่าวปิดติดลบ หลังจากให้ผลตอบแทนเป็นบวกมาตลอดเวลานับตั้งแต่ปี 1938 เป็นต้นมา
ในเวลาเดียวกัน ดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดร่วงลงเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน ทำสถิติย่ำแย่ที่สุดในรอบ 22 ปี หรือนับตั้งแต่วิกฤตฟองสบู่ธุรกิจดอทคอมล่มสลายในสหรัฐอเมริกาในปี 2000
ในไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านไปนั้น การลงทุนในช่องทางสินทรัพย์ดั้งเดิมแทบทุกตัวล้วนให้ผลตอบแทนที่ตกต่ำย่ำแย่ ได้แก่ พันธบัตรและหุ้นกู้ทั่วโลก -7.9% ทองคำ -7.6% ดัชนีหุ้นเอ็มเอสซีไอโลก -5.5% สินค้าโภคภัณฑ์ -3.1% ในขณะที่ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐให้ผลตอบแทนสูงถึง +6.7% และเงินบิทคอยน์ +4.3%
