ทอมทอม (TomTom) บริษัทเทคโนโลยีที่มีความเชี่ยวชาญด้านข้อมูลการจราจรระดับโลกจากประเทศเนเธอร์แลนด์ เปิดเผย รายงานดัชนีการจราจรทางบก ประจำปี 2024 พบว่า กรุงเทพติดอันดับ 2 ของโลกสำหรับเมืองที่มีการใช้เวลาเดินทางยาวนานขึ้นเมื่อเกิดการจราจรติดขัดหนาแน่น โดยกินเวลานานขึ้นถึง 50% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่การจราจรคล่องตัวเป็นปกติ หรืออีกความหมายหนึ่ง คือ กรุงเทพติดอันดับ 2 เมืองที่การจราจรติดขัดกินเวลาย่ำแย่ที่สุดของโลก ที่สำคัญเมื่อเทียบกับปี 2023 เสียเวลาเพิ่มขึ้น 2% ด้วย นอกจากนี้ กรุงเทพยังเป็นเมืองอันดับ 1 ในเอเชีย และอาเซียน ที่มีการใช้เวลาเดินทางยาวนานมากขึ้นเมื่อเกิดการจราจรติดขัดหนาแน่นอีกด้วย
สำหรับ 10 อันดับแรกของโลกสำหรับเมืองที่มีการใช้เวลาเดินทางยาวนานขึ้นเมื่อเกิดการจราจรติดขัดหนาแน่นประจำปี 2024 มีดังนี้
อันดับ 1 กรุงเม็กซิโก ซิตี้ เม็กซิโก +52%
อันดับ 2 กรุงเทพ +50%
อันดับ 3 เมืองดาเวา ซิตี้ ฟิลิปปินส์ +49%
อันดับ 4 เมืองคุมาโมโตะ ญี่ปุ่น +49%
อันดับ 5 กรุงบูคาเรสต์ โรมาเนีย +48%
อันดับ 6 เมืองพลอฟดิฟ บัลแกเรีย +48%
อันดับ 7 เมืองลอทส์ โปแลนด์ +48%
อันดับ 8 เมืองบันดุง อินโดนีเซีย +48%
อันดับ 9 กรุงลิมา เปรู +47%
และอันดับ 10 กรุงดับลิน ไอร์แลนด์ +47%
ในแง่อันดับเมืองที่มีความเร็วเฉลี่ยใช้เดินทางด้วยรถยนต์ต่อระยะทาง 10 กิโลเมตร หรืออีกความหมายหนึ่งคือ เมืองที่มีการจราจรรถยนต์ติดขัดประจำปี 2024 นั้น กรุงเทพใช้เวลาเดินทางเฉลี่ย 21.51 นาทีต่อระยะทาง 10 กิโลเมตร ส่งผลติดอันดับที่ 161 จาก 500 เมืองทั่วโลก และอยู่อันดับที่ 12 ของอาเซียน เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับสถิติเดิมในปี 2023 พบว่า เมื่อปี 2024 ในกรุงเทพต้องใช้เวลาเดินทางมากขึ้นอีก 20 วินาที ขณะที่ความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 27.5 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งช้าลง 0.4 กิโลเมตร/ชั่วโมงจากปี 2023
ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม 2567 เป็นวันที่กรุงเทพมีสถิติการจราจรด้วยรถยนต์ที่เลวร้ายที่สุดของปี 2567 เนื่องจากใช้เวลาเดินทางเฉลี่ย 26.48 นาทีต่อระยะทาง 10 กิโลเมตร และมีการใช้เวลายาวนานขึ้นเมื่อเกิดการจราจรติดขัดหนาแน่น เพิ่มเป็น +74%
