ผู้ประกอบการแท็กซี่ขอปรับขึ้นค่าโดยสารเพิ่มเท่าตัว หลังไม่ได้ขึ้นมา 8 ปี

นายสรพงษ์ ไพฑูรย์พงศ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะทำงานพิจารณาผลกระทบจากการปรับอัตราค่าจ้างรถแท็กซี่ ยอมรับว่า ขณะนี้คณะทำงานอยู่ระหว่างการพิจารณาการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารแท็กซี่ให้สอดคล้องกับค่าครองชีพ โดยยืนยันจะไม่ให้มีผลกระทบต่อภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ควบคู่กับการปรับปรุงคุณภาพการให้บริการและไม่ปฏิเสธผู้โดยสาร

หลังผลการศึกษาของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ พบว่ารายได้ของผู้ขับรถแท็กซี่สวนทางกับค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ7 และการเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยกับการปรับอัตราค่าโดยสาร ให้สอดคล้องกับอัตราค่าของชีพที่เปลี่ยนแปลง

ด้านเครือข่าย 4 สมาคมแท็กซี่ เสนอแนวทางปรับอัตราค่าโดยสาร ได้แก่ อัตราเริ่มต้นเพิ่มเป็น 45 บาท จากปัจจุบัน 35 บาท จากนั้นกิโลเมตรที่2 จาก 5.50 บาทเพิ่มเป็น 10 บาท/กม. กรณีจราจรติดขัดคิด 5 บาทต่อนาที จากปัจจุบัน 1.50 บาทต่อนาที กรณีเรียกผ่านศูนย์ เพิ่มจากค่าโดยสารอีก 35 บาท แท็กซี่สนามบินเก็บเซอร์วิสชาร์จจาก 50 บาทเป็น 75 บาท เป็นต้น

ขณะที่นายวิฑูรย์ แนวพานิช นายกสมาคมการค้าเครือข่ายแท็กซี่ไทย กล่าวว่าจากการพูดคุย กรมการขนส่งทางบกอาจปรับขึ้นให้เพียงครึ่งจากที่ขอไป คือคงอัตราเริ่มต้นไว้ที่ 35 บาท และขึ้นค่าโดยสารตามระยะทางอีก 5% เพื่อไม่ให้กระทบต่อประชาชน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็จะไม่สะท้อนต้นทุน ส่งผลให้แท็กซี่ไม่มีเงินเพียงพอที่จะนำรถที่จอดในช่วงโควิดมาซ่อมแล้วนำกลับมาให้บริการได้ เพราะต้องใช้ทุนซ่อมคันละไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท ซึ่งหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ อีกไม่เกิน 6 เดือนจะเกิดปัญหาแท็กซี่ขาดแคลนและนำไปสู่การปฏิเสธผู้โดยสารมากขึ้นแน่นอน