ผู้ว่าธปท.ไม่พอใจเศรษฐกิจโตต่ำเกินไป

677
0
Share:

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2563 ที่คาดว่าจะขยายตัว 2.8% แม้จะมากกว่าปี 2562 ที่ 2.5% แต่ยังอยู่ระดับต่ำกว่าศักยภาพ ซึ่งยังไม่เป็นที่น่าพอใจ โดยระดับศักยภาพของเศรษฐกิจไทยต้องอยู่ที่ 3.5-4% เพราะส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยเศรษฐกิจโลก การค้าโลกชะลอตัว
.
รวมถึงปัญหาเชิงโครงสร้างของไทย ทำให้ต้องช่วยกันปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจไทย เช่น การปรับปรุงกฎเกณฑ์ต่างๆที่ล้าสมัย ไม่เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลก และเป็นอุปสรรค เพื่อเอื้อให้ภาคธุรกิจได้ปรับตัว ซึ่งถ้าทำได้ เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวกว่าศักยภาพ
.
นอกจากนี้ยังต้องปฏิรูปในด้านการศึกษา ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแรงงานไทย โดยการพัฒนาทักษะใหม่ๆเพิ่มเติม นโยบายด้านการแข่งขันให้เท่าเทียมระหว่างผู้ประกอบการรายใหญ่ รายกลางและรายย่อย เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม และรองรับการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี และปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวยังกระทบกับการจ้างงาน ทำให้นายจ้างลดระยะเวลาทำงาน ลดโอที ส่งผลให้รายได้ลดลงกระทบต่อการใช้จ่ายในประเทศ
.
สำหรับในปี 2563 บทบาทภาครัฐจะเป็นแรงส่งสำคัญในการขยายตัวเศรษฐกิจ โดยเฉพาะงบประมาณปี 2563 ที่คาดว่าจะเบิกจ่ายได้ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2563 ซึ่งจะทำให้โครงการลงทุนขนาดใหญ่กลับมามีทิศทางดีขึ้น และมองว่าบรรยากาศสงครามการค้าจะเริ่มมีทิศทางดีขึ้นกว่าปีนี้ คาดว่าการส่งออกของไทยจะติดลบ 3-4% ปีนี้ และปีหน้าคาดจะเป็นบวกได้
.
ส่วนในปีหน้าแม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะดีกว่าปีนี้ แต่ยังโตต่ำกว่าศักยภาพ ซึ่งยังขยายตัวได้เมื่อเทียบกับช่วงต้มยำกุ้งที่ตอนนั้นติดลบถึง 7-8% แต่ไม่ควรพอใจ ต้องช่วยกันเปลี่ยน ไม่ใช่พูดวาทะกรรมเผาจริงเผาหลอก แต่ปีหน้าอยากให้ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ และใช้นโยบายการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะทำได้เฉพาะจุดมากกว่า
.
สำหรับนโยบายการเงิน เหมือนเป็นนโยบายแบบเหวี่ยงแห และหากดำเนินการต้องใช้เวลาส่งผลไปยังสถาบันการเงินซึ่งใช้เวลานานกว่า แต่คณะกรรมการนโยบายการเงินหรือ กนง.ก็พร้อมใช้เครื่องมือในการดูแลเศรษฐกิจเพิ่มเติมหากจำเป็น
.
ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการ และนักลงทุนไม่ควรวางใจ เนื่องจากในปีหน้าค่าเงินจะเคลื่อนไหว 2 ทิศทาง คือ ทั้งอ่อนค่า และแข็งค่า โดยยังมีหลายปัจจัยที่เข้ามากระทบ ดังนั้นผู้ประกอบการจะต้องเร่งทำประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนอยู่เสมอ