ฝรั่งเศสติดโควิดรายใหม่กว่า 270,000 มากเป็นประวัติการณ์ ยอดรวมขึ้นอันดับ 5 ของโลก

347
0
Share:

กระทรวงสาธารณสุข ฝรั่งเศส เปิดเผยว่า ภาวะสึนามิโรคระบาดโควิด-19 เมื่อในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาถึงเมื่อวานนี้ 4 มกราคม 2565 ตรวจพบผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งสูงถึง 271,686 ราย ทำสถิติยอดติดเชื้อรายวันมากเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ ซึ่งสถิติเดิมมีจำนวน 232,200 เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ไม่เพียงเป็นครั้งแรกที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันมากกว่า 200,000 รายขึ้นไปถึง 4 วันติดต่อกันด้วย แต่ยังทำสถิติติดเชื้อมากรายวันมากที่สุดเป็นครั้งที่ 5 ในทวีปยุโรป และมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับ 2 ของโลกซึ่งรองจากสหรัฐอเมริกา

นายโอลิวิเยร์ เวรอง รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ฝรั่งเศส กล่าวว่า ฝรั่งเศสไม่เคยพบเห็นสถานการณ์แบบนี้มาก่อนนับตั้งแต่พบการระบาดของโรคโควิด-19 และสถานการณ์โรงพยาบาลในฝรั่งเศสกำลังจะเผชิญฝันร้ายที่หนักหน่วงกว่าช่วงการระบาดที่ผ่านมา เฉพาะในสัปดาห์ที่แล้ว ฝรั่งเศสมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเฉลี่ยถึงวันละ 160,000 ราย และมียอดติดกว่าวันละ 200,000 รายถึง 4 วันในช่วงเทศกาลปีใหม่

ส่งผลให้ผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็น 10,589,505 ราย ขยับขึ้นอีก 1 อันดับโลก มาอยู่อันดับที่ 5 ในวันนี้ และขยับขึ้นเป็นอันดับ 2 ในยุโรปโดยเป็นรองสหราชอาณาจักร ขณะที่พบผู้เสียชีวิตรายวันเพิ่มขึ้น 351 ราย ส่งผลให้ยอดเสียชีวิตสะสมเป็น 124,563 ราย

ฝรั่งเศสเผชิญการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างรุนแรงทุกวันในช่วงที่ผ่านมา โดยมีสถิติติดเชื้อรายวันมากเป็นประวัติการณ์เกินกว่า 100,000 รายขึ้นไปในเดือนธันวาคม เกิดขึ้น 7 วัน ได้แก่ วันที่ 25 จำนวน 104,611 ราย วันที่ 28 จำนวน 179,807 ราย วันที่ 29 จำนวน 208,099 ราย วันที่ 30 จำนวน 206,243 ราย วันที่ 31 ธันวาคม จำนวน 232,200 ราย วันที่ 1 มกราคม 2565 จำนวน 219,126 ราย และวันที่ 4 มกราคม จำนวน 271,686 รายซึ่งเป็นสถิติใหม่

นายกรัฐมนตรีฌอง กัสแต็กซ์ของฝรั่งเศสประกาศมาตรการใหม่หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีฉุกเฉินว่า นับตั้งแต่วันที่ 3 มกราคมเป็นต้นไป จะบังคับให้ทำงานจากบ้านอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วันสำหรับผู้ที่สามารถทำได้ จำกัดการรวมตัวไม่เกิน 2,000 คนสำหรับงานในร่ม และไม่เกิน 5,000 คนสำหรับงานกลางแจ้ง ห้ามกินดื่มบนขนส่งสาธารณะระยะไกล ปิดไนต์คลับโดยไม่มีกำหนด กำหนดให้คาเฟ่และบาร์ต้องให้บริกรเป็นผู้เสิร์ฟ บังคับสวมหน้ากากอนามัยตามสถานที่ใจกลางเมือง แต่จะยังไม่ใช้มาตรการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบ หรือใช้เคอร์ฟิวในวันส่งท้ายปีเก่า ขณะที่โรงเรียนจะเปิดตามกำหนดในวันที่ 3 มกราคมดังเดิม นายกรัฐมนตรีกัสแต็กซ์กล่าวกับสื่อว่า โรคโควิดระบาดเหมือนกับภาพยนตร์ที่ไม่มีวันจบ

รัฐบาลกำลังร่นระยะห่างการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันจาก 4 เดือนลงเหลือ 3 เดือน ส่วนการบังคับใช้บัตรผ่านโควิดที่ต้องแสดงใบรับรองการฉีดวัคซีนในการเข้าสถานที่สาธารณะจะมีผลตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม หากรัฐสภาผ่านความเห็นชอบ