พาณิชย์พร้อมร่วมมือทุกฝ่ายสกัดหมูเถื่อน ยันยังไม่มีการปรับขึ้นราคาอาหารสัตว์

597
0
Share:
พาณิชย์ พร้อมร่วมมือทุกฝ่ายสกัด หมูเถื่อน ยันยังไม่มีการปรับขึ้นราคาอาหารสัตว์

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงกรณีผู้เลี้ยงสุกรทั่วไทย ที่ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนกับรัฐบาลให้ปราบขบวนการทุจริตหมูเถื่อนที่ลักลอบนำเข้าผิดกฎหมายว่า ในส่วนของกรมฯ ได้ติดตามสถานการณ์ต้นทุนวัตถุดิบของอาหารสัตว์ อย่างใกล้ชิด โดยสถานการณ์ยังทรงตัวและบางรายการปรับลดลง พร้อมกันนี้ กรมฯ ก็ยังได้ขอความร่วมมือห้างสรรพสินค้าจัดโปรโมชั่นในสินค้ากลุ่มอื่น เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพให้กับประชาชน

ล่าสุด กรมการค้าภายใน ได้หารือร่วมกับสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เพื่อติดตามสถานการณ์แล้ว และกำลังร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหา โดยได้ยืนยันกับผู้เลี้ยงสุกรว่าราคาอาหารสัตว์จะไม่มีการปรับเพิ่มขึ้นราคา ซึ่งกรมฯ ได้ขอความร่วมมือกับผู้ผลิตไปแล้ว เพราะต้นทุนวัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารสัตว์ราคาทรงตัว และบางรายการเริ่มปรับลดลง เช่น ถั่วเหลือง กากถั่วเหลือง ส่วนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ราคาทรงตัว มันสำปะหลัง ราคาเพิ่มขึ้น แต่ภาพรวมถือว่าดีขึ้น โดยกรมฯ พร้อมสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินหน้าสกัดหมูเถื่อน เพราะเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาหมูเป็นลดลง

ขณะเดียวกัน กรมฯ ยังได้สำรวจสถานการณ์ราคาสินค้ากลุ่มอาหารสดประจำสัปดาห์ พบว่าหมูเนื้อแดงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยล่าสุดราคาเฉลี่ยทั่วประเทศ 140-145 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ส่วนไก่ปรับขึ้นเล็กน้อย ไก่น่องติดสะโพก 85-90 บาทต่อกก. ไก่เนื้ออก 75-85 บาท/กก. ไข่ไก่ เบอร์ 3 เฉลี่ยฟองละ 3.81 บาท ส่วนผักสด ปรับขึ้นบ้าง เพราะอากาศร้อน ทำให้ผลผลิตโตช้า แต่คาดว่าจะกลับเข้าสู่ปกติในเร็วๆ นี้

ด้านนายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ได้ติดตามสถานการณ์ราคาผัก โดยทำงานใกล้ชิดกับตลาดกลาง พบว่าผลผลิตบางรายการปรับลดลงบ้างจากสภาพอากาศร้อนและแล้ง และพื้นที่เพาะปลูกบางแห่งเจอพายุฤดูร้อน ทำให้ผลผลิตผักออกสู่ตลาดน้อยลง และมีปัญหาเรื่องคุณภาพ แต่ขณะนี้เริ่มมีฝนแล้ว และคาดว่าสถานการณ์ผักจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติช่วงปลายเดือน พ.ค. 2566 เป็นต้นไป

สำหรับสถานการณ์ผักสำคัญ เช่น มะละกอ ราคาทรงตัว แต่ผลผลิตออกช้ากว่าปกติ ผักชี ซึ่งเป็นผักไม่ชอบร้อนจัด แล้งจัด ราคาสูงขึ้น แต่อีก 2 สัปดาห์จะดีขึ้น กะหล่ำปลี ผักกาดขาว ราคาทรงตัว ส่วนมะนาว ขณะนี้ราคาเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และคาดว่าผลผลิตจะเริ่มออกมากตั้งแต่ช่วงปลายเดือน พ.ค. 2566 เป็นต้นไป เพราะผลผลิตไม่ได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อน เพราะติดลูกแล้ว ราคาก็น่าจะปรับลดลงต่อเนื่อง