พาณิชย์มองบวกตั้งเป้าส่งออกปีนี้โต 4% พร้อมอนุมัติเรือขนาด 400 เมตรเข้ามาเทียบท่ารับสินค้าไทยเพื่อส่งออกได้

519
0
Share:

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ หรือ กรอ.พาณิชย์ ว่า ปีนี้การส่งออกมีโอกาสขยายตัวได้ถึง 4% เช่นเดียวกับภาคเอกชนที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.5-4%
.
ส่วนเรื่องการแก้ปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนเพื่อการส่งออก ยอมรับว่าเป็นปัญหาที่กระทบไปทั่วโลกซึ่งหลายประเทศประสบปัญหาเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ได้หารือร่วมกันกับภาคเอกชน รวมทั้งกรมศุลกากรในเรื่องการท่าเรือและหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง โดยแนวทางการแก้ปัญหาจะประกอบด้วย
.
1.สำหรับสินค้าที่ไม่จำเป็นต้องส่งออกโดยการใช้ตู้จะหลีกเลี่ยงการใช้ตู้คอนเทนเนอร์จะใช้เรือที่ขนสินค้าส่งออกแทนเช่น ผลไม้ มะพร้าว หรือพืชเกษตรชนิดอื่น รวมทั้งไม้ยางพาราเป็นต้น โดยมีการเตรียมเรือไว้จำนวนหนึ่ง จะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนก.พ.นี้ เพื่อลดการใช้ตู้คอนเทนเนอร์
.
2.ส่งเสริมให้มีการนำให้เรือบรรทุกสินค้านำตู้เปล่าเข้ามาโดยใช้มาตรการจูงใจเช่น ลดค่าธรรมเนียมนำเข้าตู้เปล่า การท่าเรือจะเป็นผู้ดำเนินการต่อไปโดยเป็นผู้เสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบ คาดว่าจากเร็วที่สุดอาจเป็นวันที่ 9 ก.พ. นี้
.
3.ส่วนกรณีที่เอกชน เรียกร้องให้เรือขนาด 400 เมตรซึ่งเป็นเรือขนาดใหญ่และมีสายการเดินเรืออยู่ประมาณ 6 สายการเดินเรือเข้ามาเทียบท่าที่แหลมฉบังโดยไม่ต้องขออนุญาต กระทรวงพาณิชย์ภาคเอกชนได้หารือร่วมกันกับการท่าเรือและได้ข้อสรุปร่วมกันว่าจะอนุญาตให้เรือที่มีขนาดใหญ่ 400 เมตร สามารถเข้ามาเทียบท่าและรับสินค้าไทยเพื่อการส่งออกได้ โดยขออนุญาตใช้เวลาแค่หนึ่งวันและใบอนุญาตจะมีอายุ 2 ปี สินค้าส่งออกขึ้นเรือใหญ่และไปสู่ประเทศปลายทางได้เลย จากที่จะต้องไปถ่ายลงเรือใหญ่ที่สิงคโปร์หรือท่าอื่นๆทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เป็นการลดต้นทุนไปในตัว
.
ส่วนสินค้าบางอย่างที่ส่งไปจีน จะเน้นการขนส่งทางรถหรือทางบกให้มากขึ้น โดยเร่งเจรจาส่งออกทางบกผ่านด่านของไทยไปลาวเวียดนาม และจีน ให้ได้มากขึ้น ลดความจำเป็นในการใช้ตู้คอนเทนเนอร์ที่ท่าเรือ
.
นอกจากนี้ เอกชนอยากให้เปิดด่านชายแดนเพิ่มขึ้น ขณะนี้มีด่านชายแดนทั้งหมด 97 ด่าน เปิดแล้ว 39 ด่าน ล่าสุดจากการเจรจาของกระทรวงพาณิชย์ได้อีกหนึ่งด่าน คือ ด่านถาวรที่บึงกาฬเป็น 40 ด่าน อยากเร่งรัดเปิดอีก 3 ด่าน คือ 1.ด่านป่าแซง จังหวัดอุบลราชธานี 2.ด่านเชียงคาน จังหวัดเลย 3.ที่ท่าเรือหายโศก จังหวัดหนองคาย โดยจะนำเข้าหารือที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 9 ก.พ. นี้เพื่อให้นายกฯ สั่งการเป็นนโยบายเพื่อเร่งรัดการส่งออกสินค้าได้สะดวกยิ่งขึ้น
.
ขณะที่สถานการณ์ในเมียนมาตอนนี้ ยังไม่มีผลกระทบที่มีนัยสำคัญต่อภาคการค้าและภาคธุรกิจ ยังสามารถดำเนินการทางธุรกรรมได้ตามปกติ การค้าขายระหว่างกันยังสามารถดำเนินการได้
.
แต่ได้สั่งการให้สำนักงานพาณิชย์ในเมียนมาติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และรายงานกลับมาทุกวัน เพื่ออัพเดทสถานการณ์