“พิธา” นำ 8 พรรคการเมืองแถลงร่วมจัดตั้งรัฐบาล 313 เสียงมั่นใจโหวตผ่านนั่งนายกคนที่ 30

187
0
Share:
พิธา นำ 8 พรรคการเมืองแถลงร่วม จัดตั้งรัฐบาล 313 เสียงมั่นใจโหวตผ่านนั่งนายกคนที่ 30

ที่โรงแรมโอกุระ เพรสทีจ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับ 7 พรรคการเมือง พร้อมกล่าวว่า วันนี้เป็นการแถลงจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยของประชาชน โดยมีพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ ไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย เพื่อไทรวมพลัง พรรคเป็นธรรม พรรคพลังสังคมใหม่ ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการมี ส.ส.รวมกันทั้งสิ้น 313 คน พร้อมทั้งกล่าวของคุณประชาชนที่ออกมาเลือกตั้งและคะแนนเสียงที่มอบให้

“พวกเราทุกพรรคขอขอบคุณทุกเสียงที่ประชาชนมอบให้ เป็นเสียงแห่งความหวัง เสียงแห่งการเปลี่ยนแปลง รัฐบาลชุดใหม่จะทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์และเป็นรัฐบาลของคนไทยทุกคน”

สำหรับสาระสำคัญของการแถลงในวันนี้ มี 3 ข้อ ได้แก่

1. ทุกพรรคเห็นชอบให้นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ตามเสียงข้างมากของผลการเลือกตั้งจากประชาชน
2. ทุกพรรคจะทำ MOU ในการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อแสดงถึงแนวร่วมการทำงานร่วมกัน และวาระร่วมของทุกพรรค โดยจะแถลงต่อสาธารณชนในวันที่ 22 พ.ค.นี้ เพื่อแก้ไขวิกฤตการเมือง เศรษฐกิจ สังคม
3. ทุกพรรคจะจัดตั้งคณะทำงานเพื่อเปลี่ยนผ่านรัฐบาล เพื่อเตรียมความพร้อมให้สามารถบริหารราชการแผ่นดินต่อจากรัฐบาลเดิมได้อย่างไร้รอยต่อ ด้วยความเคารพในเสียงข้างมากของประชาชน

ทั้งนี้นายพิธา ยังกล่าวถึงจุดยืนมาตรา 112 ก่อนเลือกตั้ง ด้วยว่า แต่ละพรรคก็มีจุดยืน และมีเงื่อนไขอย่างไร ซึ่งยังไม่ได้หารือรายละเอียดในขณะนี้ ส่วนจุดยืนของพรรคภูมิใจก็เป็นเรื่องของเขา ทางก้าวไกลและพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล มีเอกภาพและมีจุดยืน อย่างไรก็ตาม ทุกพรรคจะตกผลึกและร่วมแถลงรายละเอียดของ MOU ในวันที่ 22 พ.ค.นี้

ขณะเดียวกันยังได้ตอบคำถามสื่อมวลชน ด้วยว่าหากตั้งรัฐบาลและโหวตนายกรัฐมนตรีในสภาไม่ได้จะทำอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า คณะทำงานทั้ง 2 คณะ มีการวางแผนและทำฉากทัศน์ เพื่อลดความเสี่ยงของความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาลและไม่กังวลในขณะนี้ ส่วนที่จะต้องหาเพิ่มให้ได้ 376 เสียง ยังไม่ใช่ประเด็นสำคัญในขณะนี้ แต่ก็ได้กรอบเจรจาหาตัวเลขที่สมดุลเพื่อให้จัดตั้งรัฐบาลโดยไม่มีความเสี่ยง และเสถียรภาพของรัฐบาล

โดยนายพิธาได้แสดงความมั่นใจว่า ภายใต้การนำของตนเอง และหัวหน้าพรรค จะนำวาระประชาชนและนโยบายพรรคเป็นตัวตั้ง ทั้งเศรษฐกิจ การกระจายที่ดิน ภัยแล้ง ซึ่งเกี่ยวข้อง 7-8 กระทรวง ต้องเรียงลำดับปัญหาของประชาชนก่อน เพื่อให้ทำงานเป็นองคาพยพ ยังไม่การคุยเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรี

ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เพื่อไทยมี 141 เสียง และยืนยันว่าพรคเพื่อไทยจะสนับสนุนนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 และร่วมกันตั้งรัฐบาลตามความฝันของพี่น้องประชาชน ขณะนี้มีกระแสปั่นตรงนี้มาก โดยมั่นใจจะมีเสียงในรัฐสภา 376 เสียง เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี และเข้าสู่กระบวนตั้งคณะรัฐมนตรี เป็นรัฐบาลของประชาชน

ส่วนข้อตกลงของการทำ MOU นพ.ชลน่านกล่าวว่า กลไกลสำคัญที่สุด คือ MOU ซึ่งหลายเรื่องต้องมีการเจรจาพูดคุยกันวัน ในวันที่ 22 พ.ค.นี้ จะบอกว่าร่วมมือกันอย่างไร บนพื้นฐานร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล อะไรที่เป็นเงื่อนไขหรือข้อจำกัดที่ตกลงพูดคุยกันได้ก็ต้องให้จบใน MOU แต่ถ้าไม่จบต้องมีทางออก เช่น ประเด็นที่อ่อนไหวและมีความเห็นต่าง ยังไม่มีข้อตกลงร่วม จะแถลงว่าจะมีกลไกทำเรื่องนั้นได้อย่างไร ยกตัวอย่างเรื่องมาตรา 112 ที่มีความเห็นต่างกันมาก

นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม กล่าวว่ายืนยันไม่มีข้อต่อรองทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล หรือไม่ได้เป็น หรืออะไรก็แล้วแต่เรายึดมั่นในอุดมการณ์ ที่ประชาชนมอบให้

ด้านนายเชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ หัวหน้าพรรคพลังสังคมใหม่ กล่าวว่า ตนเองได้เข้ามา 1 เสียง ไม่สามารถนำนโยบายพรรคไปใช้กับประชาชนได้ แต่มองเห็นความศรัทธาและมติที่ประชาชนเลือกพรรคก้าวไกล 14 ล้านเสียง ซึ่งในนามพรรคเล็กอยากให้การเมืองเดินไปด้วยระบอบประชาธิปไตย พรรคได้เสียงข้างมากสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เพราะสังคมมีความเหลื่อมล้ำอย่างมาก จึงขอให้ร่วมสร้างสังคมใหม่ ให้นายพิธาเป็นผู้นำขับเคลื่อน

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า ไทยสร้างไทย ยืนยันหลักการเป็นสัญญาประชาคมตั้งแต่รณรงค์หาเสียงว่าสนับสนุนการที่ทุกฝ่ายต้องเดินตามครรลองประชาธิปไตย และเมื่อพรรคก้าวไกลได้เสียงสนับสนุนและฉันทามติเป็นอันดับ 1 คือ ยกมือให้ พิธา เป็นนายกฯ ถ้าประเทศไม่มีหลักจะเกิดความวุ่นวาย ส่วนข้อตกลงเรื่องนโยบายยังไม่เริ่มนับหนึ่งที่จะพูดคุยกัน หลังจากวันนี้มีการตั้งคณะทำงานนับหนึ่งทำนโยบาย

“พวกเรามองว่าการทำนโยบายที่ให้สัญญากับประชาชนสำคัญกว่ามาแบ่งตำแหน่ง แบ่งกระทรวง และถ้าจะต้องมาร่วมรัฐบาลเพราะต้องมาแบ่งกระทรวงไปทำมาหากิน คงไม่มาเป็นรัฐบาล”

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายโปรดให้ความเคารพต่อการตัดสินใจของประชาชนในประเทศนี้ ถ้าไม่เคารพเสียงการตัดสินใจของประชาชนในประเทศนี้จะติดกับดักปัญหาเดิม ไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าอย่างสง่างาม ขอเรียกร้องทุกฝ่าย ทั้ง ส.ส. ส.ว. สื่อ และทุกคนคำนึงถึงการตัดสินใจครั้งนี้เพื่อให้เดินไปข้างหน้า