พิษรัฐประหาร! ทหารยึดเมียนมาทุบเศรษฐกิจดิ่ง -10% กระทบส่งออกไทยสูญ 96,000 ล้านบาท

630
0
Share:

วันที่ 27 พฤษภาคม 2564 รศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ผลกระทบจากการปฎิวัติในเมียนมา 100 วันหลังการปฎิวัติครั้งที่ 4 โดยพลเอกอาวุโส มิน อ่อง ลาย ซึ่งคาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือจีดีพีประเทศเมียนมาปี 2564 จะตกต่ำอย่างหนักระหว่าง -10% ถึง -20%

สำหรับไตรมาส 1 ปี 2564 นั้น เศรษฐกิจเมียนมาหดตัว -2.5% สูญเสียการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศถึง 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 192,000 ล้านบาท นอกจากนี้ เกิดภาวะการว่างงาน 600,000 คน จำนวนคนไม่มีอาหารรับประทานพุ่งถึง 3.4 ล้านคน ค่าเงินจ๊าดเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงอ่อนค่าหนัก 18% เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา

ด้านรายได้ของครัวเรือนเมียนมาดำดิ่ง 83% ราคาน้ำมันในประเทศเพิ่มขึ้น 15% ราคาข้าวขายปลีกมีราคาแพงขึ้น 35% และราคาน้ำมันปาล์มขวดเพิ่มสูงถึง 20% ขณะที่ธุรกิจภาคเอกชนในเมียนมาที่ต้องหยุดดำเนินกิจการ ประกอบด้วย บริษัทสัญชาติเมียนมา  83% บริษัทสัญชาติญี่ปุ่น 68.4 และบริษัทสัญชาติตะวันตก 67%

ในด้านผลกระทบกับเศรษฐกิจไทย รศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช กล่าวว่า ขณะนี้มูลค่าการส่งออกของไทยไปเมียนมา คาดว่าจะทรุดอย่างรุนแรงระหว่าง -51.6% ถึง – 82.2% หรือมีมูลค่าเสียหายระหว่าง 60,670 ถึง 96,590 ล้านบาท ส่งผลมูลค่าการส่งออกรวมของไทย -0.8% ถึง -1.3% สำหรับ 10 กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมเสี่ยงที่มีมูลค่าการส่งออกลดลงมาก เช่น น้ำมันสำเร็จรูป เครื่องจักรกล เหล็ก ผ้าผืน ผลิตภัณฑ์พลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ เภสัชภัณฑ์ เครื่องคอมพิวเตอร์ และเซรามิก

ขณะที่สินค้าอุปโภคบริโภคเสี่ยงที่มีมูลค่าการส่งออกลดลงมากมี 15 รายการ เช่น เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว น้ำตาลทราย อาหารสัตว์ น้ำมันพืช โทรทัศน์ กุ้ง รองเท้า ผลิตภัณฑ์จากข้าว และเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร

ทั้งนี้ ประเทศเมียนมาเป็นชาติที่พึ่งพาการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าการลงทุนทางตรง หรือ FDI ในเมียนมาปี 2564 จะตกต่ำอย่างหนักระหว่าง -76.1% ถึง -85.4% หรือมีมูลค่าหายไป 202,902 ล้านบาท ถึง 227,698 ล้านบาท