มหาเศรษฐีจอร์จ โซรอส ชี้ 3 ภัยคุกคามใหญ่ อนาคตปธน.สีจิ้นผิง ไปไม่ถึงดวงดาว

475
0
Share:
ปธน.สีจิ้นผิง

มหาเศรษฐีวัย 91 ปี และมีฉายาพ่อมดการเงินโลก นายจอร์จ โซรอส กล่าวว่า ประธานาธิบดีจีนแผ่นดินใหญ่สีจิ้นผิงจะถูกการต่อต้านจากภายในสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งชาติ ซึ่งทำให้เกิดความล้มเหลวในการสร้างความมีอำนาจอย่างต่อเนื่องเพื่อดำรงตำแหน่งผู้นำสูงสุดในการปกครองประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ และในที่สุดประธานาธิบดีสีจิ้นผิงไม่สามารถยกระดับความเป็นผู้นำขึ้นไปเทียบเท่ากับเหมาเจ๋อตุง และเติ้งเสียวผิง ซึ่งเป็น 2 อดีตผู้นำสูงสุดของจีนแผ่นดินใหญ่ที่ทรงอำนาจและเป็นตำนานผู้นำของจีนแผ่นดินใหญ่

นายจอร์จ โซรอส กล่าวว่า 3 ปัจจัยที่คุกคามจากการต่อต้านภายในสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้แก่ วิกฤตอสังหาริมทรัพย์ วัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ที่ไม่มีประสิทธิภาพ และอัตราการเกิดทารกตกต่ำเป็นประวัติการณ์

เริ่มจากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ในจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจสำคัญของจีนนับตั้งแต่ปี 2013 ที่สีจิ้นผิงขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจีนนั้น เป็นภาคเศรษฐกิจที่ไม่เกิดความยั่งยืน สำหรับอสังหาริมทรัพย์ในจีนนั้นจะเห็นได้ว่ามีรูปแบบที่ให้ลูกค้าซื้อบ้านที่อยู่อาศัยซึ่งไปกู้ยืมเงินธนาคาร ต้องเริ่มจ่ายค่างวดก่อนที่โครงการเหล่านั้นจะสร้างเสร็จสมบูรณ์พอที่จะเข้าไปอาศัยได้ นอกจากนี้ รัฐบาลท้องถิ่นในมณฑลของจีนแผ่นดินใหญ่ เก็บรายได้ส่วนใหญ่ของทั้งหมดของรัฐบาลท้องถิ่นจากการขายที่ดินในราคาที่พุ่งสูงทะยานอย่างที่ไม่เคยเพิ่มขึ้นมาก่อน

สถานการณ์บริษัทยักษ์ใหญ่พัฒนาอสังหาริมทรัพย์สัญชาติจีนที่เผชิญวิกฤตหนี้เสียสะสมสูงมากที่สุดอันดับ 1 ของโลกอย่างไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ต้องถูกจัดให้เป็นบริษัทสูญเสียความสามารถในการชำระหนี้ต่อเจ้าหนี้ หรือนักลงทุนที่ถือหุ้นกู้ของบริษัทดังกล่าวในปี 2564 ที่ผ่านมา นายจอร์จ โซรอส ทำนายว่าประชาชนชาวจีนที่ไปลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ด้วยการใช้เงินเก็บเป็นจำนวนมากจะต่อต้านประธานาธิบดีจีน

มหาเศรษฐีวัย 91 ปี จอร์จ โซรอส กล่าวถึงปัจจัยที่ 2 เกี่ยวกับสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนในจีนแผ่นดินใหญ่ว่า ปัจจุบันจีนเผชิญตัวเลขยอดติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นทุกวันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจ และความสามารถในการใช้มาตรการควบคุมภาวะการระบาดของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ที่สำคัญ สายพันธุ์โอไมครอนในจีนแผ่นดินใหญ่ไม่สามารถถูกควบคุมได้ รวมถึงนโยบายไม่อยู่ร่วมโรคระบาดโควิด-19 ด้วยมาตรการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบมากครั้งในทุกพื้นที่ที่พบการแพร่ระบาด นำไปสู่การสะสมความไม่พอใจของประชาชนชาวจีนในแผ่นดินใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ

ปัจจัยสุดท้ายที่นายจอร์จ โซรอส พูดถึงคือ อัตราการเกิดของเด็กทารกในจีนแผ่นดินใหญ่ในปี 2564 ลดลงเป็นประวัติการณ์อย่างที่กลายเป็นปัจจัยคุกคาม และอันตรายต่ออนาคตประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลก อัตราการเกิดดังกล่าวลดลงทำสถิติต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 7.52 คนต่อประชากร 1,000 คน หรือคิดเป็นจำนวนประชากรเกิดใหม่มีเพียง 10.62 ล้านคนในปีที่ผ่านไป เท่ากับเป็นอัตราเกิดใหม่ที่ต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2492 ซึ่งเป็นปีที่สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเริ่มเก็บบันทึกข้อมูลอัตราเกิดอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนยังเผยด้วยว่า อัตราการเพิ่มตามธรรมชาติของประชากรจีน ที่นับเฉพาะการเกิดและเสียชีวิต ไม่รวมการโยกย้ายถิ่นฐาน ในปี 2564 อยู่ที่ 0.034% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2503