มันจบแล้ว! พนักงานทวิตเตอร์ 1,200 คนลาออก ไม่ต้องการทำงานหนักมากกับอีลอน มัสก์

ทวิตเตอร์ อินคอร์ปอเรชั่น สื่อโซเชียลมีเดียชื่อดังระดับโลกภายใต้เจ้าของคนใหม่นายอีลอน มัสก์ เปิดเผยว่า มีพนักงานจำนวน 1,200 คน หรือ 32% ของพนักงานที่เหลือทั้งหมด 3,700 คน ตัดสินใจลาออกตากทวิตเตอร์ หลังจากพ้นกำหนดเส้นตายที่นายอีลอน มัสก์ ประกาศชัดเจนว่าพนักงานคนใดที่ต้องการจะทำงานอย่างหนักกับทวิตเตอร์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนให้รีบลงทะเบียนก่อนเวลา 17.00 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้ ไบลนด์ (Blind) แอปพลิเคชั่นเกี่ยวกับวงการทรัพยากรบุคคลชื่อดังในสหรัฐอเมริกา ซึ่งสามารถตรวจสอบข้อมูลจริงจากพนักงานในองค์กรภาคเอกชนด้วยระบบอีเมล์ที่ลงทะเบียนไว้ พร้อมกับอนุญาตให้เปิดเผยข้อมูลในรูปแบบแหล่งข่าว พบว่า 42% จากพนักงานจำนวน 180 คนที่ทำงานในทวิตเตอร์ อินคอร์ปอเรชั่น ได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งงาน หลังจากนายอีลอน มัสก์ เจ้าของคนใหม่ทวิตเตอร์ยื่นคำขาดให้พนักงานตอบยืนยันให้ทันเวลาเส้นตายเมื่อวานนี้ว่าจะร่วมทำงานอย่างหนักมากขึ้น และยอมรับนโยบายการทำงานในสำนักงานเต็มรูปแบบ

ในขณะที่มีพนักงาน 25% เลือกที่จะทำงานต่อกับทวิตเตอร์อย่างไม่เต็มใจ และมีเพียง 7% เท่านั้น ที่เต็มใจจะทำงานอย่างหนักมากขึ้นตามนโยบายของนายอีลอน มัสก์

เมื่อวันพุธในสัปดาห์ผ่านไป นายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีอันดับ 1 ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เทสลา อินคอร์ปอเรชั่น และในปัจจุบันเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุดของทวิตเตอร์ อินคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า ไดส่งอีเมลถึงพนักงานทวิตเตอร์ว่า ต้องการให้พนักงานทุกคนทำงานคิดเป็นจำนวนชั่วโมงที่มากขึ้นและหนักขึ้น หากไม่ยอมทำเช่นนั้นก็ควรลาออกจากบริษัท พนักงานทวิตเตอร์ควรเห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าวในกรณีที่ต้องการทำงานอยู่ที่นี่ต่อไป

ส่วนใครที่ไม่ยอมลงชื่อเห็นด้วยกับแนวทางนี้ภายในวันพฤหัสบดีตามเวลาสหรัฐก็ควรลาออกจากบริษัท โดยทวิตเตอร์จะจ่ายเงินค่าชดเชยล่วงหน้า 3 เดือน