มาเลเซียยอดติดโควิด-19 สะสมทะลุ 400,000 คนในเป็นครั้งแรก จ่อตัดวัคซีนแอสตราเซเนกาออกจากการฉีดให้ประชาชน
กระทรวงสาธารณสุข มาเลเซีย เปิดเผยว่า สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมงมาถึงวันนี้ 28 เมษายน 2564 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ ทะยานสูงถึง 3,142 ราย ส่งผลทำสถิติติดเชื้อรายวันสูงสุดในรอบ 2 เดือนผ่านมา หรือนับตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งในวันนั้นพบผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้น 3,545 ราย ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมพุ่งสูงเป็น 401,593 ราย ทำสถิติมีผู้ติดเชื้อแตะ 400,000 รายเป็นครั้งแรก ขณะผู้เสียชีวิตรายใหม่เพิ่ม 15 ราย รวมเป็นเสียชีวิตสะสม 1,477 ราย
รัฐสลังงอร์เป็นรัฐที่มีการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มากที่สุดของประเทศมาเลเซียด้วยจำนวนติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้น 1,019 ราย ขณะกรุงกัวลาลัมเปอร์มีผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 440 ราย
นายไครี จามาลุดดิน รัฐมนตรีประสานงานโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ประเทศมาเลเซีย เปิดเผยว่า รัฐบาลมาเลเซียตัดสินใจที่จะยกเลิกการใช้วัคซีนของแอสตราเซเนกาออกจากโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดแห่งชาติมาเลเซีย สาเหตุจากหลักฐาน งานวิจัย และข่าวที่เกี่ยวกับวัคซีนดังกล่าวที่ส่งผลให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในผู้ป่วยที่ได้รับการฉีดวัคซีนยี่ห้อนี้ ได้ทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นต่อการใช้วัคซีนแอสตราเซเนกา รัฐมนตรีประสานงานโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ประเทศมาเลเซีย กล่าวยอมรับว่า องค์กรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องด้านสาธารณสุขต่างๆ ที่ได้สรุปข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ เพื่อยืนยันในประสิทธิภาพ และประโยชน์ของวัคซีนแอสตราเซเนกาที่มีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงก็ตาม อย่างไรก็ตาม ความลังเล และและไม่เชื่อมั่นที่เกิดจากความเสี่ยงที่ถูกระบุกับวัคซีนตัวนี้ ไม่มีน้ำหนักมากพอที่จะดำเนินการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาให้ประชาชนชาวมาเลเซีย
ดังนั้น ประเทศมาเลเซียจะมีวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 เพื่อฉีดให้กับประชาชนชางมาเลเซียเพียง 2 ยี่ห้อ คือไฟเซอร์-ไบออนเทค จากสหรัฐอเมริกา และซิโนแวคจากจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งอาจทำให้เป้าหมายในการเร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมชาวมาเลเซียมากที่สุดที่จะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่นั้นอาจล่าช้าออกไป
ทั้งนี้ รัฐบาลมาเลเซียเริ่มโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา ท่ามกลางการตกอยู่ในถาวะการระบาดรอบที่ 3 โดยมีปัจจัยจากการแพร่ระบาดของแรงงานในโรงงานผลิตถุงมือยาง และการพบเชื้อไวรัสกลายพันธุ์อังกฤษในมาเลเซีย
