มีนายกช้า! เอสเอ็มอีไทยเซ่นพิษตั้งนายกฯ ช้า ลากจีดีพีไทยปีนี้ส่อทรุดต่ำกว่า 3%

นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวว่า การเมืองในประเทศไทยวันนี้ทำให้จิตตกกันหมด ไม่รู้ว่าจะเดินต่อไปอย่างไร ไม่รู้ว่าจะมีอะไรรุนแรง สัญญาณเสี่้ยงต่อเศรษฐกิจและประเทศเริ่มชัดเจนมากขึ้น วันนี้เดือนสิงหาคมแล้ว เดือนหน้าตุลาคมปกติควรเป็นเดือนที่มีงบประมาณรัฐออกมา แต่วันนี้ไม่รู้ว่าจะอย่างไร ในต่างจังหวัดก็รอเรื่องงบประมาณ รอลงทุนใหม่ๆ ถ้าไม่มี ก็กระทบไปถึงรายได้ กำลังใช้จ่าย การจ้างงาน และภาระหนี้ครัวเรือนเพิ่ม เป็นวงจรหนักไปเรื่อยๆ ก็หวังว่าโหวตครั้งหน้าจะสิ้นสุดเดือนสิงหาคมนี้

สถานการณ์การเมืองที่ทำให้เกิดการเลื่อนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี จะมีผลต่อการจัดตั้งรัฐบาลอาจล่าช้าออกไปอีก ได้เพิ่มความวิตกกังวลและไม่ความมั่นใจในทุกมิติเพิ่มขึ้นไปอีก การจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า เริ่มส่งผลกระทบทันทีใน 5 เรื่อง คือความเชื่อมั่นภาคการค้าและการลงทุนของต่างประเทศ ที่กำลังตัดสินใจอาจชะลอออกไปด้วย

ถัดมาส่งผลทางจิตวิทยา ภาคการบริโภคและการจับจ่ายใช้สอยหดตัวลงอีก ซึ่งสัญญาณใช้จ่ายไม่เท่าเดิมมีต่อเนื่องมาตั้งแต่หลังเลือกตั้งผ่านไป 1 เดือนแล้ว จะหนักขึ้นอีก

ด้านงบประมาณรัฐปี 2567 ล่าช้าไม่ทันออกเดือนตุลาคมนี้ จะเสียหายต่อโอกาสขยายตัวทางเศรษฐกิจตั้งแต่ไตรมาส 3/2566 ซึ่งปีปกติจะมีงบประมาณต้นปีภาครัฐออกมากระตุ้นใช้จ่ายและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ฉุดการขยายตัวของจีดีพี ไม่แค่จีดีพีรวมของประเทศที่ปีนี้อาจต่ำกว่าเป้า 3.6% เหลือต่ำกว่า 3% จะกดจีดีพีเอสเอ็มอีที่มีสัดส่วน 35% และมีมูลค่ารวม 6 ล้านล้านบาท ให้ต่ำลงหลังจากเพิ่้งฟื้นตัวได้หลังโควิดคลี่คลายและขึ้นมาเล็กน้อย

ท้ายที่สุด คือความเชื่อมั่นระดับประเทศไทยกับนานาประเทศลดลง ในแง่ขบวนการประชาธิปไตย และการเปลี่บนผ่านรัฐบาลเก่าไปสู่รัฐบาลใหม่ รวมถึงการเคลื่อนไหวของสภาฯ จะบันทอนความเชื่อมั่นระดับประเทศหรือไม่