ม.หอการค้าไทย คาดส่งออกไทยปี 66 โตเพียง 1.0% ชี้ยังมีโอกาสเสี่ยง ติดลบ 0.5%

225
0
Share:
ม. หอการค้าไทย คาด ส่งออกไทย ปี 66 โตเพียง 1.0% ชี้ยังมีโอกาสเสี่ยง ติดลบ 0.5%

นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดการณ์ว่า การส่งออกไทยปี 2566 จะโตเพียง 1% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 295,203 ล้านเหรียญสหรัฐ จะขยายตัวต่ำสุดในรอบ 3 ปี หรือการส่งออกทั้งปีจะอยู่ในกรอบ ติดลบ 0.5- 1.5% มีมูลค่าอยู่ที่ 290,819-296,665 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ การส่งออกในไตรมาส 1 ของปียังมีแรงเฉื่อยและชะลอตัวอยู่ จากคำสั่งซื้อที่ยังไม่มา มีโอกาสส่งออกติดลบ หดตัว 2-3%

โดยมี 7 ปัจจัยเสี่ยงที่กระทบต่อการส่งออกไทยในปีนี้ ได้แก่ 1.เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจคู่ค้าที่ชะลอตัว 2. ปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อทั้งปี 3.ราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับที่สูง ประเมินว่า 80-120 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล 4.อัตราเงินเฟ้อ ปี 2566 มีแนวโน้มลดลงจากปี 2565 แต่ยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นผลมาจากราคาวัตถุดิบ 5. ราคาวัตถุดิบและสินค้ามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในอัตราที่ลดลง 6. ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มปรับอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นและ 7.การแยกห่วงโซ่อุปทาน (DECOUPLING) อุตสาหกรรมจากความขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐฯ

โดยยังมีประเด็นที่ต้องติดตาม เช่น การยกเลิกนโยบาย ZERO COVID ของจีน เหมือนเหรียญ 2 ด้าน คนจีนเดินทางได้ เศรษฐกิจดี ถ้าจัดการปัญหาโควิด ควบคุมได้ แต่หากมีการระบาดคุมไม่ได้จะมีผลกระทบต่อการส่งออกของไทยไปจีน หดตัวได้ ค่าเงินบาทยังคงอ่อนกว่าปี 2565 แต่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น 35-36 บาทต่อเหรียญสหรัฐ รวมถึงมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และสังคมของต่างประเทศที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยปี 2566 โดยพาะประเทศผู้นำเข้าอย่างยุโรป มาตรการ CBAM ตลอดจน เทรนด์ผู้บริโภคปี 2023 : “3ส” (สุขภาพ + สิ่งแวดล้อม + สังคม)

หากไปดูตลาดส่งออกสำคัญของไทย ทุกตลาดขยายตัวลดลง เช่น ตลาดส่งออกในสหรัฐฯ ขยายตัว 0.6% ลดงจากปี 2565 ที่ขยายตัว 14.5% มีมูลค่า 48,290 ล้านเหรียญสหรัฐ ตลาดญี่ปุ่น ขยายตัว 0.3% ลดลงจาก 0.8% มูลค่า 25,269 ล้านเหรียญสหรัฐ ตลาดสหภาพยุโรป ขยายตัว 0.1% ลดลงจาก 7.7% มูลค่า 27,092 เหรียญสหรัฐ และตลาดอาเซียน ขยายตัว 1.2% ลดลงจาก 13.1% มีมูลค่า 65,150 เหรียญสหรัฐ เมื่อดูโดยรวมโดยเฉลี่ยตลาดส่งออกสำคัญของไทย ลดลง 0.5-1.5%

นอกจากนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ยังประเมินอีกว่า เศรษฐกิจโลกปีนี้ จะอยู่ในสภาวะชะลอตัว คาดว่า จีดีพีโลกจะชะลอตัว 2.7% ลดลงจากปี 2565 ที่ขยายตัว 3.2% ส่วน OECD คาดจีดีพีโต 2.2% ลดลงจาก 3.1% ในปี 2565 โดยเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้จะเข้าสู่ภาวะถดถอย

ขณะเดียวกันยังรวมไปถึงปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน จะกระทบเศรษฐกิจโลกติดลบ 1% และกระทบส่งออกไทยติดลบ 1.7% อีกทั้งมองว่าหากจีนยังไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ จะมีผลต่อเศรษฐกิจโลก แต่ถ้ารัฐบาลจีนสามารถบริหารจัดการได้ดี ก็จะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกสามารถไปต่อได้