ม.ฮ่องกง เผยผลการศึกษาประชากรที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 พบว่าไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในสายพันธุ์เดลต้าได้

411
0
Share:

เมื่อวันที่ 25 ส.ค. หยวนกั๋วหย่ง นักจุลชีววิทยามหาวิทยาลัยฮ่องกงและทีมวิจัย กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19  สายพันธุ์เดลตาจะทำให้เราไม่สามารถสร้าง “ภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity)” ได้อีกต่อไป โดยจากบทความที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์หมิงเป้า ทีมวิจัยมหาวิทยาลัยฮ่องกงระบุว่า เกณฑ์ขั้นต่ำสำหรับสร้างภูมิคุ้มกันหมู่เพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากสายพันธุ์เดลตายังสามารถทำให้เกิดการแพร่เชื้อได้อยู่ในหมู่ผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19

เนื่องจากภูมิคุ้มกันหมู่สามารถสร้างขึ้นได้หาก 70% ของประชากรได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ แต่จากการคำนวณล่าสุด ทีมวิจัยพบว่า เมื่อเผชิญสายพันธุ์เดลตาทำให้เกณฑ์ดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 97.4% ซึ่งตัวเลขนี้คิดจากกรณีที่ประสิทธิภาพต่อสายพันธุ์เดลตาของไฟเซอร์อยู่ที่ 88% แต่ในบางประเทศก็รายงานประสิทธิภาพไฟเซอร์ลดลงเมื่อเจอเดลตา ซึ่งอาจหมายความว่าไม่ว่าจะฉีดวัคซีนโควิดที่มีในปัจจุบัน ก็อาจไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ต่อสายพันธุ์เดลตาให้เกิดขึ้นได้

และยังได้คำนวณประสิทธิภาพการใช้วัคซีนซิโนแวค ซึ่งมีประสิทธิภาพประมาณ 60% พบว่าอัตราการฉีดวัคซีนที่จำเป็นสำหรับสร้างภูมิคุ้มกันหมู่จะต้องฉีดวัคซีนให้ได้ 142.9% ของจำนวนประชากร ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ โดยการฉีดวัคซีนให้ได้มากกว่า 100% เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่แสดงให้เห็นว่า การที่ไวรัสยังคงกลายพันธุ์และแพร่เชื้อได้มากขึ้น ทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง

อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องมีกลยุทธ์ในการจัดการการระบาด โดยควรมีเป้าหมายที่จะทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันเป็น 0 และผลักดันให้เกิดการใช้ชีวิตร่วมกับไวรัสได้ ก็ต่อเมื่อทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนแล้วเท่านั้น จึงจะสามารถหารือถึงแนวทางการใช้ชีวิตร่วมกับไวรัสได้ เนื่องจากวัคซีนสามารถป้องกันภาวะแทรกซ้อนและการเสียชีวิตจากโควิด-19 ได้ แต่ไม่สามารถหยุดการแพร่กระจายของไวรัสได้ ดังนั้นควรสวมหน้ากากอนามัย ไม่ว่าจะมีอัตราการฉีดวัคซีนเยอะมากแค่ไหนก็ตาม