ยังสารพัดเสี่ยง! ธปท.เผยเศรษฐกิจไทย พ.ย.ทรงตัว คาดปี 67 ส่งออกฟื้นหนุนท่องเที่ยวใช้จ่ายแผ่ว

408
0
Share:

..ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ ธนาคารแห่งประเทศไทยธปท. ) รายงานเศรษฐกิจและการเงิน เดือนพฤศจิกายน 2566 ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจปี 2567 คาดว่าเศรษฐกิจยังเติบโตต่อเนื่อง โดยแรงขับเคลื่อนหลักมาจากอุปสงค์ภายในประเทศ และ มองว่าแรงขับเคลื่อนที่จะสมดุลขึ้น โดยจะมีการส่งออกที่กลับเข้ามาช่วยภาคการท่องเที่ยวที่จะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ในปี 2567 เครื่องยนต์การขับเคลื่อนเศรษฐกิจจะกลับมา จากที่ผ่านมา ภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภายในประเทศเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลัก

ขณะเดียวกัน ในภาคการส่งออกที่อาจได้รับผลกระทบจากสงครามทะเลแดง ธปท. คาดว่าสถานการณ์การโจมตีเรือขนส่งสินค้าในทะเลแดงยังมีผลกระทบที่จำกัด ในแง่ของต้นทุนอาจจะมีการปรับเพิ่มขึ้นบ้าง สะท้อนข้อมูลจากทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ที่ระบุถึงต้นทุนที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ระยะยาวต้องดูสถานการณ์ว่าจะยืดเยื้อและส่งผลกระทบมากน้อยอย่างไร และต้องติดตามท่าทีของสหรัฐจะเข้ามาช่วยเหลือแก้ไขปัญหาอย่างไร

..ชญาวดี กล่าวว่า เศรษฐกิจเดือนพฤศจิกายน 2566 โดยรวมทรงตัวจากเดือนก่อน โดยอุปสงค์ในประเทศเพิ่มขึ้นจากทั้งการบริโภคภาคเอกชนปรับดีขึ้นจากเดือนก่อนที่ 0.8% ซึ่งเป็นผลดีจากมาตรการลดค่าครองชีพของรัฐบาล ด้านการลงทุนภาคเอกชน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.8% เพิ่มขึ้นจากด้านเครื่องจักรและอุปกรณ์

ด้านมูลค่าการส่งออกสินค้าไม่รวมทองคำลดลง 0.9% ซึ่งลดลงในหลายหมวดทั้งรถยนต์ สินค้าเกษตร สินค้าปิโตรเลียม และเคมีภัณฑ์ หลังจากที่เร่งส่งสินค้าไปในเดือนก่อนหน้าแล้ว สอดคล้องกับการผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงที่ 1.8% ลดลงจาก หมวดอาหารและเครื่องดื่มที่เร่งผลิตไปแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ สำหรับการใช้จ่ายภาครัฐหดตัวจากรายจ่ายลงทุนของรัฐบาลกลางเป็นสำคัญ

ขณะที่กิจกรรมในภาคบริการทรงตัวสอดคล้องกับการท่องเที่ยว หลังจากนักท่องเที่ยวในประเทศลดลง รวมถึงการใช้จ่ายหดตัว แม้นักท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยเดือนพฤศจิกายน 2566 นักท่องเที่ยว 2.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 2.2 ล้านคนในเดือนก่อน ส่งผลให้รายรับปรับลดลงจากเดือนก่อน สาเหตุมาจากการปรับพฤติกรรมหลังโควิดของนักท่องเที่ยว รวมถึงวันหยุดที่ปรับลดลงในช่วงก่อนหน้านี้ ระยะถัดไปต้องติดตามพฤติกรรมนักท่องเที่ยวต่อเนื่อง

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงที่ 0.44% จากเดือนก่อนหน้าที่ 0.31% ลดลงจากหมวดพลังงาน ตามมาตรการลดราคาน้ำมันเบนซินในประเทศ และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ลดลง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 0.58% จากเดือนก่อนที่ 0.66% จากผลของฐานสูงในปีก่อน ด้านตลาดแรงงานทรงตัวจากเดือนก่อน

สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลอยู่ที่ 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มาจากทั้งดุลการค้า ที่ขาดดุลเล็กน้อยตามการส่งออกทองคำและยานยนต์ที่ปรับลดลง และการนำเข้าน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงดุลบริการ รายได้ และเงินโอน ที่ขาดดุลมากขึ้นตามรายจ่ายค่าทรัพย์สินทางปัญญาและการส่งกลับกำไรของธุรกิจต่างชาติ

..ชญาวดี กล่าวว่า การเคลื่อนไหวค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนพฤศจิกายนธันวาคม 2566 เฉลี่ยแข็งค่าขึ้น หลังจากเงินดอลล่าร์อ่อนค่าลง รวมถึงเงินเฟ้อสหรัฐมีสัญญาณชะลอตัวลง ส่งผลให้ตลาดปรับลดคาดการณ์การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่อยู่ระดับสูงเป็นเวลานาน

ขณะที่ดัชนีค่าเงินบาทปรับแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย หลังจากค่าเงินบาทค่อนข้างแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินในภูมิภาคอื่นๆ สำหรับการเคลื่อนไหวในเดือนธันวาคม 2566 อัตราแลกเปลี่ยนบาทต่อดอลลาร์สหรัฐยังคงแข็งค่าอยู่ในกรอบ 35.05 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ..ชญาวดี กล่าว

ทั้งนี้ แนวโน้มเดือนธันวาคม 2566 และระยะต่อไป กิจกรรมทางเศรษฐกิจในเดือนธันวาคม 2566 คาดว่ายังได้รับแรงส่งจากอุปสงค์ในประเทศระยะต่อไป ต้องติดตามการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนและการส่งออกสินค้า ผลกระทบจากความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ นโยบายของภาครัฐ และ ผลกระทบของเอลนีโญ