ยังไม่ฟื้น! ส่งออกเดือน ม.ค. 66 ติดลบ 4.5% ขาดดุลการค้าสูงสุดในรอบ 10 ปี

290
0
Share:
ยังไม่ฟื้น! ส่งออก เดือน ม.ค. 66 ติดลบ 4.5% ขาดดุลการค้าสูงสุดในรอบ 10 ปี

นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เดือนม.ค.66 มูลค่าการส่งออก อยู่ที่ 20,249 ล้านดอลลาร์ หดตัว 4.5% จากตลาดคาดราว -1.4 ถึง -1.8% โดยการส่งออกลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ต่อจากเดือนธ.ค.65 ที่ลดลง 14.6% ขณะที่มูลค่าการนำเข้า อยู่ที่ 24,899 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 5.5% ส่งผลให้ในเดือนม.ค. ไทยขาดดุลการค้า 4,649 ล้านดอลลาร์ สูงสุดในรอบ 10 ปี

ทั้งนี้ การส่งออกในเดือนม.ค.66 ลดลงในทุกกลุ่มสินค้า โดยสินค้าเกษตร มูลค่าการส่งออก 1,814 ล้านบาท ลดลง 2.2% สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร มูลค่าการส่งออก 1,585 ล้านดอลลาร์ ลดลง 3.3% และสินค้าอุตสาหกรรม มูลค่าการส่งออก 16,053 ล้านดอลลาร์ ลดลง 5.4%ปัจจัยสำคัญที่กดดันการส่งออก คือ อัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง และภาคการผลิตโลกหดตัว

ขณะที่ปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ ประเทศคู่ค้ามีความต้องการนำเข้าสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น เพื่อให้เพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศล มีคำสั่งซื้อสินค้าในช่วงเทศกาล และการเปลี่ยนผ่านไปใช้นโยบายพลังงานทางเลือก ของประเทศคู่ค้า

ทั้งนี้การส่งออกของไทยในเดือนม.ค.66 หดตัวน้อยลงจากเดือนก่อนหน้า และยังอยู่ในระดับที่ดีกว่าหลายประเทศในเอเชีย โดยตลาดส่งออกของไทยหลายตลาดกลับมาขยายตัว ได้แก่ สหภาพยุโรป ลาตินอเมริกา อินเดีย แอฟริกา และอาเซียน (5) ท่ามกลางผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และความผันผวนของค่าเงินบาท เป็นผลจากความร่วมมือของกระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชนในการผลักดันการส่งออกอย่างต่อเนื่อง ที่มีส่วนช่วยประคับประคองการส่งออกของไทยภายใต้แรงกดดันของเศรษฐกิจโลก ลดการกระจุกตัวของตลาดส่งออก และจะช่วยเพิ่มการกระจายของสินค้าไทยในอนาคต

ขณะที่ภาพรวมการส่งออกเดือนม.ค. ไปยังตลาดสำคัญยังคงหดตัวต่อเนื่อง สอดคล้องกับภาวะการชะลอตัวของภาคการผลิตโลก โดยตลาดหลัก หดตัว 5.3% ตลาดรอง หดตัว 3.1% ขณะที่ตลาดอื่นๆ ขยายตัว 17.4%

สำหรับแนวโน้มการส่งออกในระยะถัดไป กระทรวงพาณิชย์ ประเมินว่า การส่งออกของไทยยังคงได้รับแรงกดดันจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญที่ลดการบริโภคจากต้นทุนค่าครองชีพที่สูง แม้ว่าภาวะเงินเฟ้อจะเริ่มชะลอลง แต่ก็ยังอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้บรรยากาศการค้าโลกที่ยังตึงเครียด จากการกีดกันทางการค้า รวมถึงปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความยืดเยื้อและมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น กระทบต่อการส่งออกของไทย

ด้านนายพูนพงษ์ นัยนาภาภรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในเดือนม.ค.66 ดุลการค้าขาดดุลสูงสุดในรอบ 10 ปี เนื่องจากราคาน้ำมันนำเข้าเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้น เป็น 80.4 ดอลลาร์/บาร์เรล จากในเดือนธ.ค.65 ซึ่งอยู่ที่ 77 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งมูลค่าการนำเข้าน้ำมันคิดเป็นสัดส่วน 20% ของมูลค่าการนำเข้าโดยรวม

นอกจากนี้ ในเดือนม.ค.66 ยังมีการนำเข้าสินค้าในกลุ่มทุน และวัตถุดิบเพิ่มมากขึ้น โดยมูลค่านำเข้าสินค้าในกลุ่มนี้ คิดเป็นสัดส่วนถึง 60% ซึ่งคาดว่าจากการนำเข้าทั้งในแง่ปริมาณ และมูลค่าที่เพิ่มขึ้นมากนี้ จะส่งผลดีต่อการส่งออกของไทยในระยะถัดไป เนื่องจากการนำเข้าสินค้าในกลุ่มทุน และวัตถุดิบ จะนำเข้ามาเพื่อใช้ในการผลิตสินค้าและส่งออกยังต่างประเทศ

“การส่งออกของไทยในช่วงไตรมาส 1 นี้ยังมีแนวโน้มจะติดลบ เป็นเพราะฐานจากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ในระดับสูง อีกทั้งเชื่อว่าจะมีการเร่งนำเข้าสินค้ามาสต็อกเพื่อเตรียมผลิตและส่งออก โดยคาดว่าการส่งออกจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวได้ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ และทั้งปี 66 กระทรวงพาณิชย์ยังคงเป้าหมายการส่งออกที่ 1-2% “ นายภูสิต กล่าว