ย้อนทุบหุ้น! ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ดิ่งแรงเกือบ 350 จุด น้ำมันดิบโลกปิดร่วงหลุด 81 ดอลลาร์

249
0
Share:
ย้อนทุบหุ้น! ดัชนี หุ้น ดาวโจนส์ ดิ่งแรงเกือบ 350 จุด น้ำมันดิบโลกปิดร่วงหลุด 81 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2565 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 33,027 จุด -348 จุด หรือ -1.05% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 3,822 จุด -56 จุด หรือ -1.45% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 10,476 จุด -233 จุด หรือ -2.18%

สาเหตุจากตัวเลขจีดีพีสหรัฐอเมริกาไตรมาส 3 พบว่าขยายตัวสูงกว่าคาดการณ์ไว้มากถึงระดับ 3.2% จากเดิมคาดว่าจะขยายตัวที่ระดับ 2.9% สอดรับกับกระทรวงแรงงาน สหรัฐอเมริกา ประกาศตัวเลขชาวอเมริกันขอใช้สิทธิสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่เพิ่มขึ้นถึง 216,000 คน แต่ไม่ถึงที่คาดการณ์ไว้ที่ 222,000 คน ทั้ง 2 ปัจจัยกลายเป็นแรงกดดันต่อแนวโน้มดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาที่จะปรับสูงขึ้นต่อเนื่องในการประชุมครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2023

ผลประกอบการของไนกี้และเฟดเอ็กซ์ที่ออกมาดีกว่าที่คาดไว้ ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกาเดือนธันวาคมเพิ่มสูงขึ้นถึง 108.3 จุด ทำสถิติสูงสุดในรอบ 7 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนเมษายนผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกากำลังใกล้สิ้นสุดปีนี้ พบว่าจะเป็นปีที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 14 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา หรือตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจการเงินในสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ยังเป็นปีที่ให้ผลตอบแทนการลงทุนติดลบจนทำให้ผลตอบแทนในช่วง 3 ปีติดกันก่อนหน้านี้เป็นศูนย์ โดยในปี 2022 จนถึงคืนผ่านมา 22 ธันวาคม ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ -9.20% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 -20.08% และดัชนีหุ้นนาสแดค -33.73% ส่งผลให้ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 และดัชนีหุ้นนาสแดคอยู่ในภาวะหมี หรือ Bear Market

นอกจากนี้ ในเดือนธันวาคมจนถึงคืนผ่านมา 22 ธันวาคม ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ -4.56% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 -6.39% และดัชนีหุ้นนาสแดค -8.80%

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 77.49 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.80 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.0% ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาพุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 80.98 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.22 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.5% ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล

สาเหตุจากความกังวลในสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ที่พุ่งทะยานเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็วในจีนแผ่นดินใหญ่ ส่งผลกระทบด้านลบต่อภาวะเศรษฐกิจจีนให้ชะลอตัวหนักกว่าเดิม นอกจากนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสที่ 3 ในสหรัฐอเมริกาที่ขยายตัวสูงกว่าที่คาดไว้ กดดันเฟดขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นเพิ่มสูงต่อเนื่องในปี 2023 ท่ามกลางปริมาณสำรองน้ำมันดิบรายสัปดาห์ในสหรัฐอเมริกาลดลงมากถึง 5.89 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่คาดไว้ที่ระดับ 1.66 ล้านบาร์เรล นักลงทุนให้น้ำหนักกับรัฐบาลจีนที่ดำเนินการผ่อนคลายมาตรการควบคุมและป้องกันโรคระบาดโควิด-19 และยังประกาศว่าจะใช้มาตรการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจีนในปี 2023

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,799.40 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -26.00 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ -1.40% ก่อนหน้านี้ ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมีนาคม 2565 ราคาทองคำล่วงหน้ามีราคาสูงสุดระหว่างวันขึ้นไปถึง 2,072.50 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 หรือในรอบ 18 เดือน

อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำตลาดโลกปีนี้มีความเป็นไปไม่ได้สูงที่จะลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยเฉพาะมีราคาลดลงมากถึง -250 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์นับตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา

สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากการประกาศตัวเลขจีดีพีสหรัฐอเมริกาไตรมาส 3 พบว่าขยายตัวสูงกว่าคาดการณ์ไว้มากถึงระดับ 3.2% จากเดิมคาดว่าจะขยายตัวที่ระดับ 2.9% สอดรับกับตัวเลขชาวอเมริกันขอใช้สิทธิสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่เพิ่มขึ้นแต่ไม่ถึงที่คาดการณ์ไว้ ทั้ง 2 ปัจจัยกลายเป็นแรงกดดันต่อแนวโน้มดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาที่จะปรับสูงขึ้นต่อเนื่องในการประชุมครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2023