รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินปรับขึ้น 1 บาท เริ่ม 1 ม.ค. 2564

604
0
Share:

นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี หรือ ครม.ในการประชุมเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2563 ได้มีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอการคงอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล หรือ MRT สายสีน้ำเงิน ในอัตราปัจจุบันคือ เริ่มต้น 16 บาท สูงสุด 42 บาท (ค่าโดยสารสูงสุดคิดที่ 12 สถานี จากจำนวนทั้งสิ้น 38 สถานี) ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.2563 เพื่อเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพในช่วงโควิด 19
.
แต่ตามเงื่อนไขสัญญาสัมปทานของรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ระหว่าง รฟม. กับ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) ได้กำหนดให้มีการปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารใหม่ทุกๆ ระยะเวลา 24 เดือน หรือ 2 ปี โดยใช้วิธีคำนวณบนพื้นฐานการเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาผู้บริโภค ซึ่งอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้จะครบกำหนดการบังคับใช้ตามสัญญาในวันที่ 2 ก.ค.2563
.
สำหรับผู้ถือบัตรโดยสารประเภทเด็ก อายุไม่เกิน 14 ปี (วันเกิดครบรอบ 14 ปี) และมีความสูงระหว่าง 91-120 เซนติเมตร และผู้สูงอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป จะได้รับส่วนลด 50% สำหรับผู้ถือบัตรโดยสารประเภทนักเรียน/นักศึกษา ที่มีอายุเกินวันเกิดครบอายุ 14 ปี แต่ไม่เกินวันเกิดครบ 23 ปี จะได้รับส่วนลด 10% จากอัตราค่าโดยสารดังกล่าว และอัตราค่าโดยสารใหม่จะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2564 เป็นต้นไป โดยอัตราค่าโดยสารใหม่คือเริ่มต้น 17 บาท สูงสุด 42 บาท
.

สำหรับการปรับขึ้นค่าโดยสารของ รถไฟฟ้าใต้ดิน หรือ MRT สายสีน้ำเงินในครั้งนี้จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2564-2 ก.ค.2565 ส่งผลให้อัตราค่าโดยสารเริ่มต้นเพิ่ม 1 บาท จากปัจจุบัน 16 บาทต่อเที่ยว จะเพิ่มเป็น 17 บาทต่อเที่ยวโดยมีเพดานอัตราค่าโดยสารสูงสุดอยู่ที่ 42 บาท
.
โดยการปรับเพิ่มค่าโดยสารระหว่างการเดินทางจำนวน 4 สถานีในอัตรา 1 บาท มีดังต่อไปนี้
.
-สถานีที่ 1 อัตรา 17 บาท จากเดิม 16 บาท
.
-สถานีที่ 4 อัตรา 24 บาท จากเดิม 23 บาท

.
-สถานีที่ 7 อัตรา 31 บาท จากเดิม 30 บาท
.
-สถานีที่ 10 อัตรา 38 บาท จากเดิม 37 บาท

โดยการปรับขึ้นค่าโดยสารครั้งนี้เป็นการปรับขึ้นตามสัญญาทุกๆ 2 ปี ซึ่งตามปกติจะต้องเริ่มปรับขึ้นตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.63 ที่ผ่านมา
.
ส่วน MRTสายสีม่วง ยังคงราคาเดิม โดยลดค่าโดยสาร เริ่มต้นที่ 14 บาท และจ่ายสูงสุด 20 บาทตลอดสาย จากอัตราปกติสูงสุด 42 บาท เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระให้ประชาชนจากผลกระทบจากโควิด-19 และยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง